Close Menu
SiamQuantSiamQuant
    Facebook YouTube
    Facebook YouTube
    SiamQuantSiamQuant
    ติดต่อเรา
    • กองทุนส่วนบุคคล
    • บทความและงานวิจัย
    • ร่วมงานกับเรา
      • รายละเอียดการรับสมัครทีมงาน
      • Researcher
      • Developer
      • Operations
      • Marketer
    • เกี่ยวกับเรา
      • เกี่ยวกับ SiamQuant
      • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)
    • มุมสมาชิก
      • บัญชีของฉัน
      • AlphaClass Video Courses
      • AlphaSuite Installer & Manual
    SiamQuantSiamQuant
    Facebook YouTube
    Home»งานวิจัยและบทความทั้งหมด»ระบบการลงทุน “หุ้นเติบโตราคาถูก” จากปรัชญาของ “เสี่ยปู่” เซียนหุ้น VI!
    งานวิจัยและบทความทั้งหมด

    ระบบการลงทุน “หุ้นเติบโตราคาถูก” จากปรัชญาของ “เสี่ยปู่” เซียนหุ้น VI!

    SiamQuant TeamBy SiamQuant TeamSeptember 15, 2017Updated:May 8, 2019No Comments4 Mins Read
    1.3k
    SHARES
    1.3kFacebookXLine

    หลังจากที่ทางทีมงานและนักศึกษาฝึกงานของ SiamQuant ได้รับเกียรติในการเข้าสัมภาษณ์ “เสี่ยปู่” ผู้เป็นสุดยอดนักลงทุนสาย VI คนหนึ่งของประเทศไทยกันไปแล้วนั้น ในบทความนี้ทีมงานเราได้ทดสอบและสร้างระบบการลงทุนโดยอาศัยแรงบันดาลใจและแนวคิดที่ได้จากบทสัมภาษณ์ “ถอดรหัสกลยุทธ์เซียนหุ้น VI รายใหญ่ “เสี่ยปู่” สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล” กันขึ้นมา เราจึงอยากที่จะแชร์ผลการวิจัยครั้งนี้ให้นักลงทุนไทยได้อ่านโดยทั่วกันเพื่อเป็นวิทยาทานอย่างที่ เราได้รับมา จาก “เสี่ยปู่” สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล กันครับ

    ย้ำความเข้าใจ : ระบบการลงทุนนี้เป็นการนำ “ส่วนหนึ่ง” ของแนวคิดที่ได้จากการสัมภาษณ์เสี่ยปู่มาสร้างเป็นระบบการลงทุนเพื่อทำการวิจัยทดสอบโดยทีมงาน SiamQuant มิใช่ระบบการลงทุนของเสี่ยปู่เองนะครับ

    Table of Contents

    Toggle
    • หลักการคัดกรองหุ้นแบบเสี่ยปู่ :
    • หลักการเข้าซื้อหุ้นสไตล์เสี่ยปู่ :
    • หลักการการขายหุ้นสไตล์เสี่ยปู่ 
    • แนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยง
    • เงื่อนไขในการทดสอบในการวิจัยกลยุทธ์การลงทุน
    • ผลการทดสอบระบบลงทุน “หุ้นเติบโตราคาถูก”
    • ผลการทดสอบเพิ่มเติม : Position Size หรือขนาดการลงทุนในแต่ละครั้งที่เหมาะสมกับระบบนี้
    • สรุปข้อคิดที่ได้จากทดสอบระบบ Growth Value ซึ่งได้มาจากแนวคิดและแรงบันดาลใจจากการสัมภาษณ์เสี่ยปู่

    หลักการคัดกรองหุ้นแบบเสี่ยปู่ :

    การพูดคุยกับเสี่ยปู่ทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจในการผสมผสานการลงทุนแบบเป็นระบบเชิง Quantitative กับแนวคิดการเลือกหุ้นแบบ Value Investing หรือเรียกง่ายๆว่า Quant Value โดยระบบจะทำการเลือกหุ้นที่จะลงทุนด้วยปัจจัยพื้นฐานเป็นหลักและถือเอาไว้จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐานอย่างมีนัยยะสำคัญ หรือครบรอบการปรับพอร์ทใน 1 ปี (Yearly Rotational Investing) โดยแก่นหลักของกลยุทธ์คือจะเน้นคัดเลือกหุ้นที่มี กำไรเติบโตสม่ำเสมอโดยทำการเปรียบเทียบอัตราการเติบโตของกำไรในไตรมาสปัจจุบันกับกำไรในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า (Net Profit Year on Year) โดยมีจุดประสงค์ในการหาธุรกิจที่มีการเติบโต (Growth) เป็นสำคัญ

    นอกจากนี้นั้น PEG Ratio ยังเป็นหนึงในวิธีการที่เสี่ยปู่ใช้ในการเลือกหุ้น โดยเราจะนำค่า PEG Ratio มาใช้ในการจัดลำดับคะแนนของหุ้น โดยมาจากแนวคิดที่ว่าหุ้นที่ซื้อขายด้วย PE ที่ไม่แพงจนเกินไปและมีการเติบโต (Growth) ที่ดีนั้นถือเป็นการลงทุนที่ดี ด้วยความเชื่อที่ว่าอัตราส่วนของ PEG Ratio นั้นจะปิดจุดอ่อนของวิธีการเลือกหุ้นด้วย PE ที่ต่ำเพียงอย่างซึ่งอาจจะทำให้พลาดโอกาสในการซื้อหุ้นที่มีอัตราการเติบโตของธุรกิจที่สูงแต่ซื้อขายในระดับ PE ที่สูงเช่นกัน โดยสูตรการคำนวณ PEG ratio คือ

     

    PEG = PE / EPS Growth Rate YoY
    หมายเหตุ 1 : ใช้ตัวแปร SQPE() / SQEPS_YoY() ของฐานข้อมูล SQ Hybrid Database

     

    ซึ่งเสี่ยปู่จะชื่นชอบหุ้นที่มีค่า PEG ต่ำกว่า 0.6 เป็นพิเศษเนื่องจากการที่ PEG ต่ำนั้นหมายความว่าอัตราส่วนของการเติบโตของกำไรนั้นสูงกว่าค่า PE Ratio มากทำให้เวลาคำนวณค่าออกมาแล้ว PEG ค่าน้อย

    ทั้งนี้ เสี่ยปู่ไม่ชอบลงทุนในหุ้นกลุ่มที่กำไรมีความผันผวนสูง เช่น กลุ่มวัฏจักร, น้ำมัน และ ไม่ชอบหุ้นกลุ่ม Bank เพราะมีทั้งความละเอียดอ่อนต่อภาวะเศรษฐกิจมหภาคและมีความซับซ้อนในการวิเคราะห์พื้นฐานเพราะฉะนั้นเราจะตัด Sector ธนาคารและ Sector พลังงานออกไปจาก Universe ที่ระบบจะทำการเข้าซื้อ

    หลักการเข้าซื้อหุ้นสไตล์เสี่ยปู่ :

    หัวใจหลักอย่างหนึ่งของการเข้าซื้อหุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐานคือการลงทุนในช่วงเวลาที่มีความผิดปกติบางอย่าง ในตลาดที่ทำให้ราคาสินทรัพน์นั้นไม่สะท้อนมูลค่าความเป็นจริง (Mispricing anomaly) โดยที่เสี่ยปู่จะทำการศึกษาปัจจัยพื้นฐานของบริษัทต่างๆในตลาดหลักทรัพย์เป็นอย่างดี และเสี่ยปู่จะทำการทยอยเข้าซื้อหุ้นที่ได้ศึกษามาแล้ว เมื่อตลาดมีการปรับฐานหรือเกิดวิกถตการณ์ที่ทำให้ตลาดมีการ Panic โดยจะแบ่งรับหุ้นที่ผ่านการคัดกรองแล้วในระดับราคาต่างๆ โดยผ่านการวิเคราะห์แล้วว่าปัจจัยของการ ลดลงของราคาหุ้นหรือตลาดนั้นไม่ได้มีผลกระทบกับมูลค่าพื้นฐานของบริษัทในระยะยาว

    แต่เนื่องจากเสี่ยปู่ ไม่ได้มีการกำหนดจุดเข้าจุดออกอย่างชัดเจนในเวลาวิกถตการณ์ ทางเราจึงเลือกที่จะใช้การซื้อขายแบบ Yearly Rotation Investing ซึ่งจะทำการซื้อหุ้นตอนต้นปีและขายหุ้นออกเมื่อสิ้นปีเพื่อทำการทดสอบพลังของการใช้ปัจจัยพื้นฐานในการเลือกหุ้นลงทุนโดยปราศจากการจับจังหวะตลาดด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิค

    สำหรับการคัดเลือกหุ้นนั้น เราจะสร้างระบบการลงทุนที่จำลองการเข้าซื้อหุ้นด้วยหลักการคัดเลือกหุ้นสไตล์เสี่ยปู่ โดยพิจารณาจากศักยภาพของบริษัทในการทำกำไรโดยใช้ค่า Net Profit ที่เติบโตแบบ Year on Year และบริษัทต้องมี Net Profit เป็นบวกในจังหวะที่เข้าซื้อเพื่อเป็นการยืนยันว่าบริษัทไม่ได้เติบโตเพราะขาดทุนน้อยลง ตามด้วยการเรียงลำดับคะแนนของหุ้นที่มีสัญญาณซื้อ (Position Score) ด้วยค่า PEG ratio จากน้อยมามาก

    หลักการการขายหุ้นสไตล์เสี่ยปู่ 

    ในการวิจัยครั้งนี้ เราจะทำการจำลองระบบการลงทุนเป็นลักษณะ Rotation Buy & Hold กล่าวคือเราจะซื้อหุ้นเข้าตอนต้นปีและขายออกในปลายปีของทุกๆปีที่ในช่วงที่ทำการทดสอบ อย่างไรก็ดีหากว่าหุ้นที่อยู่ใน Portfolio มีการเติบโตของกำไรได้ลดลง คือกำไรสุทธิหรือ Net Profit ของไตรมาสปัจจุบันเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วมีการลดลงระบบจะทำการขายออกเพื่อลดความเสี่ยงที่จะต้องถือหุ้นที่อัตราการเติบโตของกำไรมีการถดถอยแล้วนั่นเอง

    แนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยง

    โดยเสี่ยปู่ได้ให้ทัศนะไว้ว่าปัจจุบันเสี่ยปู่ถือหุ้นกว่า 20 ตัวใน portfolio โดยอนาคตอยากลดให้เหลือ 10 ตัวโดยในที่นี้เราจะทำการทดลองเปลี่ยนแปลงค่า Position Size หรือขนาดของการลงทุนในแต่ละครั้ง เพื่อทำการศึกษาปัจจัยต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนการลงทุนและค่าสถิติต่างๆของ porfolio เพิ่มเติมโดยหวังว่าผลลัพธ์จากการวิจัยเชิง Quantitative น่าจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนในการตัดสินใจเลือกใช้กลยุทธ์แบบต่างๆ

    เงื่อนไขในการทดสอบในการวิจัยกลยุทธ์การลงทุน

    ต่อไปนี้เป็นเงื่อนไขของการทดสอบกลยุทธ์การลงทุนที่เราสร้างมาจากแรงบันดาลใจจากการได้สัมภาษณ์ และสอบถามแนวคิดและปรัชญาการลงทุนของ “เสี่ยปู่” Value Investor ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในตลาดหุ้นไทย โดยระบบจะทำการเข้าซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานที่ดีและใช้ค่า PEG Ratio เป็นคะแนน PositionScore โดย PositionScore นั้นจะทำหน้าที่เรียงลำดับความสำคัญของหุ้นโดยไล่ซื้อจากค่า PEG Ratio ต่ำสุดก่อนตามลำดับโดยรายละเอียดของเงื่อนไขการทดสอบอื่นๆมีดังนี้:

    Condition Details
    Backtesting Window
    • 01/01/2007 – 01/01/2017
    Restriction
    • เงินทุนเริ่มต้น 10 ล้านบาท
    • 0.15% Per Trade Commission
    • 1% Slippage Entry & Exit (รวม 2%)
    • Long Only
    Universe
    • All Stocks หุ้นทุกตัวในตลาดหลักทรัพย์
    Filter
    • ไม่รวมหุ้นใน Sector Bank และ Sector Energy
    • มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยใน 1 ปีมากกว่า 1 ล้านบาท/วัน
    • กรองข้อมูลที่มีความผิดพลาดออกด้วย SQdatafilter(1)
    Entry
    • เข้าซื้อในวันแรกของปี
    • เข้าซื้อเมื่อหุ้นมี Net Profit ของไตรมาสปัจจุบันเป็นบวก
    • มีการเติบโตโดยวัดจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
    Exit & Stops
    • ขายออกเมื่อสิ้นสุดปี
    • ขายเมื่อ Net Profit ของไตรมาสปัจจุบัน น้อยกว่า ไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
    Position Size
    • กระจายน้ำหนักไปยังหุ้นทุกตัวในพอร์ตโฟลิโอในอัตราส่วนที่ เท่าๆกัน (Equal-weighted) โดยให้น้ำหนักตัวละ 5% ของพอร์ตโฟลิโอ โดยมีจำนวณหุ้นที่ถือมากที่สุด 20 ตัว
    Risk Management
    • ไม่มี
    Position Score
    • หุ้นที่มีคะแนน PEG Ratio ต่ำที่สุด
    Order Management
    • ราคาเปิดในวันถัดไป

     

    ตารางที่ 1 : ตารางแสดงรายละเอียดเงื่อนไขในการทดสอบระบบ Growth Value System

    ผลการทดสอบระบบลงทุน “หุ้นเติบโตราคาถูก”

    siamquant-growth-stock-cheap-price-vi-1ภาพที่ 1 : มูลค่าของพอร์ตโฟลิโอในจากการทดสอบกลยุทธ์ Growth Value System

    Portfolio Metric Growth Value System SET Index
    Net Profit 628.64% 134.04%
    CAGR 21.98% 9.17%
    MaxDD -39.47% -58.02%
    Longest DD (Month) 26.8 44.15
    CAR / MDD 0.56 0.16
    Trade Metric Growth ValueSystem SET Index
    No. of All Trade 186 –
    Avg. Bar Held 154.15 –
    % Win 51.61% –
    Avg. Profit/Loss % 26.7% –
    Max Consecutive Loss 13 –

     

    ตารางที่ 2: ผลลัพธ์ของการทดสอบกลยุทธ์ Growth Value System Vs. SET index

    ผลจากการทดสอบระบบการลงทุน Growth Value System พบว่ามีผลตอบแทนที่ค่อนข้างดี ซึ่งแม้ว่าเราจะซื้อเพียงปีละครั้งคือซื้อตอนต้นปีแต่ระบบก็ยังสามารถทำกำไรได้ในระยะยาว โดยมีค่า CAGR หรือผลตอบแทนโดยเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 21.98% โดยไม่จำเป็นต้องทำการซื้อ-ขายหุ้นบ่อยๆ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานได้ช่วยให้เราลงทุนแต่ในหุ้นที่มี Growth ที่ดีและมีค่า PE ที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตของกำไร นอกจากนี้หากพิจารณาด้านความเสี่ยงแม้ระบบเราจะถือหุ้นทั้งปี แต่ก็สามารถผ่านวิกฤตต่างๆได้ เช่น วิกฤตซับไพร์ม ปี 2008 ซึ่งระบบมี Drawdown ลึกสุด -39.47% แต่ก็ยังน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ SET ที่ ลงไปถึง -58.02% โดยมีค่า Longest Drawdown ของระบบเท่ากับ 26.8 เดือน ในขณะที่เียบกว่า SET Index ที่ 44.15 เดือน ซึ่งหมายความว่าระบบใช้เวลานานที่สุด 26.8 เดือนในการทำให้พอร์ตโฟลิโอมีจุดสูงสุดใหม่ หรือน้อยกว่า SET Index ถึงเกือบสองเท่านั่นเอง

    ผลการทดสอบเพิ่มเติม : Position Size หรือขนาดการลงทุนในแต่ละครั้งที่เหมาะสมกับระบบนี้

    ในการทดลองนี้เราจะทดลองเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุนของหุ้นแต่ละตัวใน Portfolio โดยเปลี่ยนจาก Position Size 5% ของ Total Portfolio Value จาก Original System ลดลงเป็น 3% และ เพิ่มขึ้นเป็น 10% ของมูลค่า Portfolio ตามลำดับ โดยกำหนดเงื่อนไขอื่นๆให้คงที่ โดยเราจะทำการเปรียบเทียบมูลค่า Portfolio ตลอดช่วงเวลาลงทุนในภาพที่ 2 ด้านล่างนี้

    siamquant-growth-stock-cheap-price-vi-2ภาพที่ 2 : ภาพเปรียบเทียบมูลค่าพอร์ตโฟลิโอจาการทดสอบกลยุทธ์ Growth Value System Position Size 5% (เส้นสีเขียว), Position Size 3% (เส้นสีน้ำเงิน) และ Position Size 10% (เส้นสีแดง) เปรียบกับ SET Benchmark (เส้นสีดำ)

    Portfolio Metrics 3% Position Size 5% Position Size 10% Position Size
    Net Profit 673% 628.64% 431.21%
    CAGR 22.7% 21.98% 18.18%
    MaxDD -33.82% -39.47% -52.1%
    Longest DD (Month) 26.65 26.8 39.8
    CAR/MDD 0.67 0.56 0.61
    Trade Metrics 3% Position Size 5% Position Size 10% Position Size
    No. of All Trade 335 186 99
    Avg. Bar Held 134.87 154.15 175.73
    % Win 60% 51.61% 49.49%
    Avg. Profit/Loss % 25.28% 26.7% 25.7%
    Max Consecutive Loss 16 13 11

    ตารางที่ 3 : ตารางแสดงผลลัพธ์ของการทดสอบกลยุทธ์ PEG ด้วยการใช้ PostionSize 5% เปรียบเทียบกับ PositionSize 3% และ PositionSize 10%

    ผลลัพธ์จากการวิจัยระบบการลงทุนพบว่าการกระจายการลงทุนที่มากขึ้น สามารถเพิ่มผลตอบแทนและลดความเสี่ยงได้ ซึ่งสังเกตจากค่า CAGR หรือผลตอบแทนโดยเฉลี่ยต่อปี ซึ่งระบบที่มีการกระจายการลงทุนทีละ 3% มีค่า CAGR ดีที่สุดคือเท่ากับ 22.7% เมื่อเทียบกับระบบดั้งเดิมที่มีการกระจายการลงทุนตัวละ 5% และ ระบบที่ซื้อหุ้นตัวละ 10% โดยมีค่า CAGR เท่ากับ 21.98% และ 18.18% ตามลำดับ

    นอกจากนี้ค่า MaxDD ของระบบที่มีการกระจายการลงทุนทีละ 3% ก็ยังต่ำที่สุดคือเท่ากับ -33.82% เมื่อเทียบกับระบบดั้งเดิมที่มีการกระจายการลงทุนทีละ 5% และ ระบบที่ซื้อหุ้นตัวละ 10% โดยมีค่า MaxDD เท่ากับ -39.47% และ -52.1% ตามลำดับ

    นอกจากนี้แล้วสังเกตุได้ว่าค่า %Win หรืออัตราความแม่นยำในการทำกำไรเพิ่มสูงขึ้นถึง 60% เมื่อเรากระจายการลงทุนทีละ 3% ของ Total Portfolio Equity เนื่องจากเมื่อจำนวน Sample Size หรือการเทรดมากขึ้น ค่าสถิติที่ได้ก็จะเริ่มวิ่งเข้าสู่อัตราที่น่าจะเป็นของมันขึ้นไปเรื่อยๆ

    ดังนั้นจากผลการทดลองเราสามารถสรุปได้ว่าการลดลงของขนาดของการลงทุนต่อตัว (Position Sizing) นั้น ส่งผลให้ผลตอบแทนของระบบสูงขึ้นและมีค่า Maximum Drawdown ลดลงโดยการกระจายการลงทุนนั้นมีส่วนช่วยให้ระบบไม่ไปจมอยู่กับหุ้นตัวใดตัวหนึ่งมากเกิน ไปและช่วยสร้างโอกาสให้ Portfolio มีหุ้นที่สร้างผลตอบแทน (Performance) มากขึ้นซึ่งขัดกับแนวทางความเชื่อของคนทั่วไปที่นิยมลงทุนเน้นในหุ้นไม่กี่ตัวหรือ All In หมดหน้าตักกับหุ้นตัวเดียว โดยคาดหวังให้พอร์ทเติบโตได้อย่างรวดเร็ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว การกระจายความเสี่ยงกลับเป็นปัจจัยที่ทำให้พอร์ทสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนสำหรับระบบนี้ครับ

    สรุปข้อคิดที่ได้จากทดสอบระบบ Growth Value ซึ่งได้มาจากแนวคิดและแรงบันดาลใจจากการสัมภาษณ์เสี่ยปู่

     

    • การกระจายการลงทุน (Diversification) โดยใช้ ปัจจัยพื้นฐานในการคัดเลือกหุ้นนั้นถือว่าเป็นอีกวิธี ที่สามารถช่วยให้มูลค่าของการลงทุนเติบโตได้อย่างยั่งยืน
    • ระบบการลงทุนด้วยปัจจัยพื้นฐานต้องการเวลาและความอดทนต่อ Drawdown เป็นอย่างมากของนักลงทุน จึงจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยการถือหุ้นข้ามปีย่อมทำให้เกิด Drawdownl สูงอย่างนี้พอสมควร อย่างไรก็ตามค่า Maximum Drawdown ยังคงต่ำกว่า SET Index อย่างมีนัยยะสำคัญ
    • การขายหุ้นเมื่อแนวโน้มกำไรของบริษัท (Net Profit) มีการลดลง สามารถช่วยนักลงทุนลดการขาดทุนได้มาก ถึงแม้จะไม่ได้ใช้เครื่องมือทางเทคนิคมาช่วยจับสัญญาณขาย

     

    จากผลการทดสอบนี้ทำให้เราได้รู้ว่า การที่จะเลียนแบบความสำเร็จและสร้างผลตอบแทนตามแนวทางการลงทุนแนว Growth Value แบบเสี่ยปู่นั้นเป็นไปได้!! แต่ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายถึงแม้จะใช้ระบบลงทุนการลงทุนแบบ Yearly Rotational Investing แล้วก็ตาม ซึ่งจากผลการวิจัยนี้จะเห็นได้ว่านักลงทุนนั้นต้องอาศัยทั้งความใจเย็นและความอดทนอย่างมากต่อการลดลงของมูลค่า Portfolio ถึง -39.47% จากมูลค่าสูงสุดในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา และยังต้องมีความสามารถในการควบคุมจิตใจ และอารมณ์ในการถือหุ้นและขายออกเมื่อมีสัญญาณขายเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงแล้วสิ่งต่างๆมากมายสามารถที่จะเกิดขึ้นได้ในระหว่างที่เราทำการลงทุนอยู่ โดยมีข่าวสารต่างๆทั้งดีและร้ายถาโถมเข้ามามากมายในทุกๆวัน ซึ่งอาจจะทำให้เราสงสัย (Doubt) กับแนวทางและวิธีการลงทุนอยู่ตลอดเวลา

    ดังนั้นความสำเร็จในโลกความจริงจึงต้องการทั้งความรู้, ความเข้าใจต่อวิธีการลงทุนของตนเองอย่างลึกซึ้ง รวมถึงความมุ่งมั่นอดทนและความแข็งแกร่งของจิตใจในคราวเดียวกัน อย่างที่ “เสี่ยปู่” สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล ได้เคยพิสูจน์เอาไว้ให้เราเห็นแล้วนั่นเองครับ

    1.3k
    SHARES
    1.3kFacebookXLine
    ระบบการลงทุน สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล เสี่ยปู่
    SiamQuant Team
    • Website
    • Facebook
    • X (Twitter)

    Admin ผู้ดูแลเว็บไซต์ SiamQuant.com ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อการแบ่งปันความรู้และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการลงทุนอย่างเป็นระบบให้กับนักลงทุนไทย

    Related Posts

    สุดยอดสินทรัพย์ทางการเงิน เพื่อการจัดพอร์ตการลงทุนระดับโลกที่ยั่งยืนเหนือกาลเวลา

    November 14, 2025

    มหัศจรรย์แห่งการจัดพอร์ตการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์แบบ Global Strategic Asset Allocation (GSAA)

    November 12, 2025

    🤝 ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง SiamQuant และ Krungthai XSpring (KTX)

    November 11, 2025
    Leave A Reply Cancel Reply

    You must be logged in to post a comment.

    Continue with Google
    หมวดหมู่บทความ
    บทความล่าสุด

    สุดยอดสินทรัพย์ทางการเงิน เพื่อการจัดพอร์ตการลงทุนระดับโลกที่ยั่งยืนเหนือกาลเวลา

    November 14, 2025

    มหัศจรรย์แห่งการจัดพอร์ตการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์แบบ Global Strategic Asset Allocation (GSAA)

    November 12, 2025

    🤝 ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง SiamQuant และ Krungthai XSpring (KTX)

    November 11, 2025

    ลงทะเบียนรับข่าวสารและบทความ

    กรอก E-Mail ของคุณ เพื่อติดตามข่าวสาร, องค์ความรู้ และงานวิจัยด้านการลงทุนชิ้นใหม่ๆจากพวกเรา Free!

    Social Medias ของเรา
    • YouTube
    • Facebook
    กองทุนส่วนบุคคลเชิงปริมาณ
    Demo
    Facebook YouTube
    © 2025 Copyright by SiamQuant.

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    XEmail
    1.3k
    SHARES
    1.3k