Close Menu
SiamQuantSiamQuant
    Facebook YouTube
    Facebook YouTube
    SiamQuantSiamQuant
    ติดต่อเรา
    • กองทุนส่วนบุคคล
    • บทความและงานวิจัย
    • ร่วมงานกับเรา
      • รายละเอียดการรับสมัครทีมงาน
      • Researcher
      • Developer
      • Operations
      • Marketer
    • เกี่ยวกับเรา
      • เกี่ยวกับ SiamQuant
      • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)
    • มุมสมาชิก
      • บัญชีของฉัน
      • AlphaClass Video Courses
      • AlphaSuite Installer & Manual
    SiamQuantSiamQuant
    Facebook YouTube
    Home»งานวิจัยและบทความทั้งหมด»บทความพิเศษ»ความลับแห่งความมั่งคั่งจากคัมภีร์ “น้ำพุแห่งเงินตรา” ของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ เทพเจ้าแห่งการเก็งกำไร ผู้คิดค้นกราฟแท่งเทียน Candle Stick Chart (พร้อมพูดคุยสนทนากับ Homma AI Chatbot 💬)
    บทความพิเศษ

    ความลับแห่งความมั่งคั่งจากคัมภีร์ “น้ำพุแห่งเงินตรา” ของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ เทพเจ้าแห่งการเก็งกำไร ผู้คิดค้นกราฟแท่งเทียน Candle Stick Chart (พร้อมพูดคุยสนทนากับ Homma AI Chatbot 💬)

    SiamQuant TeamBy SiamQuant TeamNovember 5, 2025Updated:November 23, 2025No Comments5 Mins Read
    90
    SHARES
    90FacebookXLine

    เราอาจกล่าวได้ว่าแทบไม่มีนักลงทุนคนใดบนโลกนี้ ที่จะไม่รู้จักกับกราฟแท่งเทียน Candle Stick แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าแท้จริงแล้วหลักการลงทุนของเขา กลับมิใช่แค่เพียงการนั่งดูแท่งเทียนเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้นอย่างที่ใครหลายคนอาจคิดกัน แต่กลับเป็นการวิเคราะห์อย่างมีเหตุมีผล, วางแผนการลงทุนอย่างเป็นระบบ และทำการลงทุนโดยมุ่งหวังผลลัพธ์ในระยะยาวเป็นแก่นสำคัญ ในบทความพิเศษชิ้นนี้ เราจึงอยากที่จะพาทุกท่านไปรู้จักกับชีวประวัติ, แนวคิด และเทคนิคในการลงทุนที่แท้จริงของเขาจากคัมภีร์ “น้ำพุแห่งเงินตรา” (The Fountain of Gold) ที่เขาได้บันทึกเอาไว้ รวมถึง Application Homma AI Chatbot ท้ายบทความ ซึ่งหวังว่าจะช่วยเปิดมุมมองใหม่และเป็นประโยชน์ให้กับนักลงทุนไทยทุกกันครับ!

    Table of Contents

    Toggle
    • 1. “คัมภีร์น้ำพุแห่งเงินตรา” มรดกอมตะของเทพเจ้าแห่งการเก็งกำไร ฮอมมะ มุเนฮิสะ
    • 2. ชีวประวัติโดยย่อของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ เทพเจ้าแห่งการเก็งกำไร และตระกูลพ่อค้า ฮอมมะ ผู้มั่งคั่งแห่งเมืองซาคาตะ
    • 3. หลักการสำคัญ 5 ข้อจากคัมภีร์ “น้ำพุแห่งเงินตรา” ของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ
      • 3.1 การยอมรับต่อความผันผวนและการใช้กฎของธรรมชาติให้เป็นประโยชน์
      • 3.2 การเรียนรู้จากอดีตเพื่อสร้างกลยุทธ์ในปัจจุบัน 
      • 3.3 การยึดมั่นในระบบการลงทุนและการปรับตัวอย่างยืดหยุ่น 
      • 3.4 การจัดการจิตวิทยาในการลงทุน ตามหลักการจากปริศนาธรรมแห่ง “วานรสามตัว”
      • 3.5 การจับจังหวะเวลาที่เหมาะสมและการลงทุนที่สวนทางกับคนส่วนใหญ่
    • 4. แง่คิดในการใช้ชีวิตและการลงทุนเพื่อความสมดุลย์ของเทพเจ้าแห่งการเก็งกำไรของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ
      • 4.1 การหยุดพักคือส่วนหนึ่งของการลงทุน (และส่วนหนึ่งของชีวิต)
      • 4.2 ความกล้าหาญคือสิ่งที่จำเป็นในการคิดและการกระทำสวนกระแส
      • 4.3 ความล้มเหลวคือบันไดสู่ความสำเร็จ
      • 4.4 การมีความรับผิดชอบต่อสังคมนอกเหนือจากเพียงแค่การสร้างกำไรส่วนตัว
    • 5. 🤖💬 พูดคุยกับ AI Chatbot จากคัมภีร์ “น้ำพุแห่งเงินตรา” และบทสรุปของความลับแห่งความมั่งคั่งของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ เทพเจ้าแห่งการเก็งกำไร

    1. “คัมภีร์น้ำพุแห่งเงินตรา” มรดกอมตะของเทพเจ้าแห่งการเก็งกำไร ฮอมมะ มุเนฮิสะ

    แม้ว่าในโลกแห่งการลงทุนที่เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารที่ซับซ้อนและพรึ่งพรูออกมาในทุกๆนาทีในปัจจุบันนั้น อาจทำให้นักลงทุนหลายคนมักเชื่อกันไปว่า ตำรา, แนวคิด หรือเครื่องมือด้านการลงทุนในอดีตหลายๆอย่างก็คงที่จะตกยุคสมัยของมันไปตามกาลเวลา อย่างไรก็ตาม กราฟแท่งเทียน Candle Stick และรูปแบบ Pattern ของแท่งเทียนต่างๆ ก็ยังคงเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่นักลงทุนทั่วโลกยังคงนำมันมาใช้งานในการวิเคราะห์ด้านการลงทุนกันมากที่สุดอย่างหนึ่งในปัจจุบัน

    ด้วยเหตุนี้เอง การศึกษาถึงหลักการลงทุนและเก็งกำไรของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ ผู้คิดค้นกราฟแท่งเทียนนั้น จึงถือเป็นจุดมุ่งหมายอีกอย่างหนึ่งของทางทีมงาน SiamQuant ที่จะได้ทำการศึกษาค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับแนวคิดของเขาในเชิงลึก จนได้มีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมเยียนคาราวะหลุมศพของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ (Homma Munehisa) ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “เทพเจ้าแห่งตลาด” (God of markets) และ “บิดาแห่งการวิเคราะห์ทางเทคนิค” (The father of technical analysis) ซึ่งรวมไปถึงการคิ ดค้น กราฟแท่งเทียน (Candlestick Charts) อันโด่งดัง ที่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงที่ผ่านมา

    โดยจากการศึกษาถึงแนวคิดในการลงทุนจากเนื้อหาของบันทึกลับคัมภีร์ “น้ำพุทองคำแห่งสามวานร” 校 正 三 猿 金 泉 秘 錄 (Kōsei San’en Kin Sen Hiroku) – ซึ่งต่อไปนี้เราจะขอเรียกสั้นๆแต่อรรถรสว่า “น้ำพุแห่งเงินตรา” – ที่ว่ากันว่าถูกเขียนขึ้นมาจากหลักการลงทุนของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ นั้น จึงทำให้พวกเราได้ค้นพบข้อเท็จจริงที่น่าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งว่า แท้จริงแล้วแก่นแนวคิดในการลงทุนของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ นั้น มิได้จำกัดอยู่แค่เพียงแค่การเก็งกำไรในระยะสั้นจากเพียงกราฟแท่งเทียนเพียงเท่านั้น แต่กลับเป็นแนวคิดที่สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองในการลงทุนระยะยาว โดยคำนึงถึงสภาวะทางเศรษฐกิจและปัจจัยพื้นฐานต่างๆ โดยถึงแม้จะว่าคัมภีร์เล่มนี้จะเขียนไว้ตั้งแต่สมัยเอโดะ (ค.ศ. 1724–1803) แต่มันก็กลับมีความ ทันสมัย เป็นระบบ และไร้ซึ่งกาลเวลา อย่างไม่น่าเชื่อ

    โดยที่แก่นปรัชญาการลงทุนของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ นั้น แทบไม่ได้เน้นย้ำถึงการใช้เครื่องมือการวิเคราะห์ที่ซับซ้อนใดๆเลย แต่กลับมุ่งเน้นไปที่หลักของ จิตวิทยาของตลาด การควบคุมอารมณ์ และ วินัยในการลงทุน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่นักลงทุนทุกคนต้องเผชิญและรับมืออยู่ทุกๆวันในตลาดเสมอ ไม่ว่าจะเป็นความโลภ (Greed) หรือความกลัว (Fear) ด้วยเหตุนี้เอง หลักการที่เน้นย้ำให้นักลงทุนมีความอดทน (仁), ความกล้าหาญ (勇), และสติปัญญา (智) ในการลงทุนจากคัมภีร์โบราณเล่มนี้ จึงสามารถที่จะนำมา ประยุกต์ใช้กันได้อย่างกว้างขวาง และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการเป็น หลักยึดที่มั่นคง เพื่อนำทางให้นักลงทุนในยุคปัจจุบัน สามารถที่จะนำพาตนไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน ภายใต้ข้อมูลข่าวสารอันมากมายมหาศาลและเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในยุคสมัยนี้นั่นเอง

    ภาพบันทึกความทรงจำของทีมงาน SiamQuant ในการเยียมคาราวะหลุมศพของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ เทพเจ้าแห่งการเก็งกำไร ผู้คิดค้นกราฟแท่งเทียน Candle Stick Chart

    ภาพที่ 1 : ภาพบันทึกความทรงจำของทีมงาน SiamQuant ในการเยียมคาราวะหลุมศพของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ เทพเจ้าแห่งการเก็งกำไร ผู้คิดค้นกราฟแท่งเทียน Candle Stick Chart

    2. ชีวประวัติโดยย่อของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ เทพเจ้าแห่งการเก็งกำไร และตระกูลพ่อค้า ฮอมมะ ผู้มั่งคั่งแห่งเมืองซาคาตะ

    ภาพ AI Generated จากรูปวาดดั้งเดิมของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ เทพเจ้าแห่งการเก็งกำไร ผู้คิดค้นกราฟแท่งเทียน

    ภาพที่ 2 : ภาพ AI Generated จากรูปวาดดั้งเดิมของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ เทพเจ้าแห่งการเก็งกำไร ผู้คิดค้นกราฟแท่งเทียน

    ฮอมมะ มุเนฮิสะ เกิดในปี ค.ศ. 1724 ที่แคว้นเดวะ โชไน (Dewa Shōnai) ซึ่งปัจจุบันคือเมืองซากาตะ จังหวัดยามากาตะ โดยมีชื่อเดิมว่า ฮอมมะ โคซากุ (Honma Kosaku) หรือ คิวซากุ (久作) เป็นบุตรชายคนที่สามของ ฮอมมะ คิวชิโร่ มิตสึโมโตะ ผู้ก่อตั้งกิจการร้านค้า “นีกาตายะ” อันยิ่งใหญ่แห่งเมืองซากาตะ โดยที่ตระกูลฮอมมะได้สร้างความมั่งคั่งอย่างมหาศาลจากการค้าชายฝั่ง และกิจการการให้กู้ยืมเงิน จนถือเป็นหนึ่งในตระกูลพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตระกูลหนึ่งในช่วงยุคเอโดะ

    โดยที่ความมั่งคั่งและสถานะของตระกูลฮอมมะนั้นได้โด่งดังไปทั่วแผ่นดิน จนมีเพลงพื้นบ้านขับขานกันว่า: “🎵 หากแม้จะยิ่งใหญ่เท่าท่านฮอมมะไม่ได้ งั้นเราก็ขอแค่เป็นเพียงท่านเจ้าเมืองก็พอ 🎵” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตระกูลฮอมมะนี้มีฐานะที่ร่ำรวยเหนือกว่าชนชั้นซามูไรอย่างเจ้าเมือง (Daimyō) ไปมากกว่านั้นเสียอีก

    โดยเมื่ออายุได้ราว 14 ปีนั้น มุเนฮิสะ ได้ตัดสินใจเลือกเส้นทางอาชีพของตนเอง ด้วยความไฝ่ฝันในการที่จะเป็น “นักเก็งกำไรในตลาดข้าว” และได้เริ่มทำการวิจัยความเคลื่อนไหวของราคาข้าวอย่างละเอียดย้อนหลังเป็นเวลาถึง 20 ปี อีกทั้งยังได้เดินทางไปเอโดะ (โตเกียว ในปัจจุบัน) เมื่ออายุราว 16 ปีเพื่อเก็บเกี่ยวความรู้เกี่ยวกับตลาดการซื้อขายข้าวและวิถีแห่งการเก็งกำไรอีกด้วย

    ต่อมาหลังจากที่พี่ชายคนโตของเขาได้สละตำแหน่งผู้นำตระกูลในช่วงปี ค.ศ. 1750 นั้น มุเนฮิสะ ซึ่งในขณะนั้นมีอายุได้ราว 26 ปี ก็ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำชั่วคราวและดูแลการเงินของกิจการร้านค้า ก่อนที่จะต้องส่งมอบตำแหน่งให้กับหลายชาย (ซึ่งเป็นลูกของพี่ชายคนโต) ในภายหลัง หลังจากที่หลานชายได้เดินทางไปฝึกงานที่ร้านค้าสาขาย่อยในเมืองอื่นจนเสร็จสิ้น 

    จากเหตุการณ์นี้เอง เขาจึงได้ใช้โอกาสนี้ในการนำเงินของครอบครัวบางส่วนมาเก็งกำไรในตลาดข้าวที่ซากาตะ โดยประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในการเพิ่มเงินลงทุนเริ่มต้นที่ราว 2,000 เรียว ให้กลายเป็น 31,000 เรียว ภายในสี่ปีเท่านั้น (เพิ่มขึ้นราว 16 เท่า หรือคิดเป็นผลตอบแทนทบต้นราวปีละ 100% ตลอด 4 ปี) อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้ ก็มิได้ทำให้เขาเป็นที่ชื่นชมในครอบครัวสักเท่าไหร่นัก เนื่องจากบิดาของเขาเคยตำหนิการเก็งกำไรแบบนี้ไว้ว่า “มันไม่ใช่หนทางที่ชอบธรรมของการค้าขาย” อันถือเป็นค่านิยมและมุมมองของชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ในขณะนั้น

    อนุสาวรีย์เมล็ดข้าวแห่งตลาดค้าข้าวโดจิมะที่โอซาก้า (Dojima Rice Exchange Monument)

    ภาพที่ 3 : อนุสาวรีย์เมล็ดข้าวแห่งตลาดค้าข้าวโดจิมะที่โอซาก้า (Dojima Rice Exchange Monument)

    ด้วยเหตุนี้เอง ความสำเร็จอันรุ่งโรจน์ของมุเนฮิสะในการเก็งกำไร จึงไม่ได้มาพร้อมกับความสงบสุขในครอบครัวแต่อย่างใด โดยเมื่อหลานชายของเขาซึ่งก็คือ ฮอมมะ มิตสึโอกะ (Honma Mitsuoka) ได้เดินทางกลับมาและเข้ามารับตำแหน่งเป็นผู้นำตระกูลฮอมมะรุ่นที่สามอย่างเป็นทางการ 

    มิตสึโอกะและมุเนฮิสะมีความเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากในด้านการบริหารกิจการ โดยที่มิตสึโอกะเชื่อว่า “การเก็งกำไรไม่ใช่วิถีทางที่จะรักษาตระกูลเอาไว้ได้ตลอดไป” ดังนั้นแล้ว เมื่อทั้งคู่มีความเห็นที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว และไม่สามารถร้องขอให้มุเนฮิสะหยุดทำการเก็งกำไรตามค่านิยมและกฎของตระกูลได้อีกต่อไป มิตสึโอกะจึงตัดสินใจ “ตัดขาดความสัมพันธ์” และไล่ มุเนฮิสะ ออกจากตระกูลและกิจการร้านค้าไปในที่สุด โดยได้นำเงินที่มุเนฮิสะหามาได้ไปบริจาคเพื่อโครงการสาธารณประโยชน์ต่างๆแทน อาทิเช่น การปลูกป่าป้องกันทรายตามแนวชายฝั่งของเมืองซากาตะ 

    หลังจากถูกขับไล่โดยหลานชายของเขานั้น มุเนฮิสะ จึงจำใจต้องออกจากเมืองบ้านเกิดที่ซากาตะ และเดินทางไปยังเอโดะ เพื่อทำการเก็งกำไรในตลาดข้าวคารุมาเอะที่มีชื่อเสียงในขณะนั้น (Karumae Rice Exchange) แต่ก็กลับต้องประสบกับความล้มเหลวและล้มละลายในการเก็งกำไรในตลาดข้าวที่เอโดะอย่างสิ้นเชิงในเวลาต่อมา 

    อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้พยายามเรียนรู้จากความผิดพลาดต่างๆ ก่อนที่เขาจะเริ่มตั้งตัวได้และประสบความสำเร็จอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ในตลาดข้าวที่โอซาก้า จนได้รับฉายาว่า “เท็งงูแห่งเดวะ” (เนื่องจาก มุเนฮิสะ เป็นพ่อค้าข้าวจากเมืองซากาตะ ในแคว้น เดวะ ซึ่งปัจจุบันคือจังหวัดยามากาตะ) โดยว่ากันว่า มุเนฮิสะ นั้นได้สร้างเครือข่ายการสื่อสารที่รวดเร็วของเขา ด้วยการใช้สัญญาณธงเพื่อส่งสัญญาณจากบนยอดเขาตลอดระยะทางจากเอโดะถึงโอซาก้ากว่า 600 กิโลเมตร เพื่อที่จะสามารถรับส่งข้อมูลข่าวสารจากตลาดได้เร็วกว่าการใช้คนขี่ม้าตามปกติ จนเกิดเป็นความได้เปรียบในการลงทุนของเขาขึ้นอย่างมากมาย

    ต่อมาในปี ค.ศ. 1774 เมื่อเขาอายุได้ราว 50 ปีนั้น เขาได้เปลี่ยนชื่อของเขาจากเดิมที่ชื่อ “โคซากุ” ให้กลายเป็น “มุเนฮิสะ” และได้ย้ายไปตั้งถิ่นฐานที่ย่านเนกิชิในเอโดะ จนทำให้เขาถูกเรียกว่า “เนกิชิ ฮอมมะ” และต่อมาได้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างสูงจนได้รับตำแหน่ง ที่ปรึกษาทางการเงินของรัฐบาลโชกุน และได้รับยศเป็น ซามูไรกิตติมศักดิ์ (Honorary Samurai) หรือ “ชิบุง” (shibun) ซึ่งถือเป็นเกียรติยศที่สูงส่งและพิเศษอย่างยิ่งสำหรับชนชั้นพ่อค้าในยุคเอโดะภายใต้การปกครองของโชกุน โทกุงาวะ อิเอยาสึ ในที่สุด

    โดยที่ในช่วงวัยชราของเขานั้น ความขัดแย้งอันยาวนานในตระกูลฮอมมะของเขาก็ได้สิ้นสุดลงในปี  ค.ศ. 1783 เมื่อมุเนฮิสะ (ขณะอายุ 68 ปี) และมิตสึโอกะ (ขณะอายุ 54 ปี) ได้ กลับมาคืนดีกัน อย่างไรก็ตาม ทาง มุเนฮิสะ ก็มิได้กลับไปพำนักอยู่ที่เมืองซากาตะบ้านเกิดเช่นเดิม จนกระทั่งเขาได้ถึงแก่กรรมที่เมืองเอโดะในช่วงปี ค.ศ. 1803 และได้ส่งต่อทรัพย์สินและความมั่งคั่งของเขากลับไปยังตระกูลของเขา จนทำให้ตระกูลฮอมมะกลายเป็นตระกูลพ่อค้าที่มั่งคั่งและยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคเอโดะ ซึ่งถือเป็นการปิดฉากตำนานเทพเจ้าแห่งการเก็งกำไรของเขาลงอย่างสมบูรณ์ในที่สุด

    หลุมศพของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ เทพเจ้าแห่งการเก็งกำไร ผู้คิดค้นกราฟแท่งเทียน ที่สะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาเซนในความเรียบง่ายและความว่างปล่าว

    ภาพที่ 4 : หลุมศพของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ เทพเจ้าแห่งการเก็งกำไร ผู้คิดค้นกราฟแท่งเทียน ที่สะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาเซนในความเรียบง่ายและความว่างปล่าว

    โดยที่คณูปการอันยิ่งใหญ่ ที่ ฮอมมะ มุเนฮิสะ ได้ทิ้งไว้ให้กับนักลงทุนทั่วโลกนั้น ก็คือการพัฒนาวิธีการบันทึกและวิเคราะห์ราคาข้าวที่ซื้อขายในตลาด เขาคือผู้ริเริ่มการบันทึกราคาข้าวรายวัน (เปิด, สูงสุด, ต่ำสุด, ปิด) ซึ่งต่อมาได้พัฒนามาเป็นแผนภูมิที่เรียกว่า “ขาซากาตะ” (Sakata Ashi) และกลายเป็นต้นแบบของ กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ที่นิยมใช้กันในหมู่นักลงทุนทั่วโลกในปัจจุบัน 

    นอกจากนี้แล้ว มุเนฮิสะ ยังได้ถ่ายทอดปรัชญาการซื้อขาย ที่เน้นเรื่องจิตวิทยาการลงทุนไว้ในตำรา “น้ำพุแห่งเงินตรา” ซึ่งต่อมา อุชิดะ กอนซาบุโร่ (Ushida Gon-saburō) ได้รวบรวมต้นฉบับและต่อมาได้รับการแก้ไข/ปรับปรุง โดย นารุคาวะ ทาเคชิ โนะ สุเกะ (Narukawa Takeshi no Suke) ออกมาเป็นหนังสือชื่อ  校 正 三 猿 金 泉 秘 錄 (Kōsei San’en Kin Sen Hiroku) หรือ “บันทึกลับน้ำพุทองคำแห่งวานรสามตัวที่ได้รับการแก้ไขปรับปรุงแล้ว” โดยนำมาซึ่งหลักการ 5 ข้อสำคัญในการลงทุน ที่เราจะได้กล่าวถึงกันต่อจากนี้นั่นเอง

    3. หลักการสำคัญ 5 ข้อจากคัมภีร์ “น้ำพุแห่งเงินตรา” ของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ

    แน่นอนว่าเราคงไม่อาจที่จะบรรยายถึงเนื้อหาจากคัมภีร์ทั้งหมดได้เพียงในบทความชิ้นเดียว ทางทีมงาน SiamQuant จึงได้ทำการรวบรวมข้อมูลและสรุปถึงหลักการสำคัญ 5 ข้อในการลงทุนของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ จากเนื้อหาที่ได้ปรากฏในคัมภีร์ “น้ำพุแห่งเงินตรา” ซึ่งได้สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองในการซื้อขายเก็งกำไรและการลงทุนที่ครอบคลุม ทั้งในด้านปรัชญา การจัดการความเสี่ยง และจิตวิทยาตลาด ดังต่อไปนี้

    ตัวอย่างคัมภีร์ "น้ำพุทองคำแห่งสามวานรฉบับปรับปรุง" 校 正 三 猿 金 泉 秘 錄 (Kōsei San'en Kin Sen Hiroku) ที่ถูกเก็บบันทึกรักษาเอาไว้

    ภาพที่ 5 : ตัวอย่างคัมภีร์ “น้ำพุทองคำแห่งสามวานรฉบับปรับปรุง” 校 正 三 猿 金 泉 秘 錄 (Kōsei San’en Kin Sen Hiroku) ที่ถูกเก็บบันทึกรักษาเอาไว้

    3.1 การยอมรับต่อความผันผวนและการใช้กฎของธรรมชาติให้เป็นประโยชน์

    สำหรับหลักการข้อแรกนั้น คือการยอมรับว่าตลาดอยู่ภายใต้กฎสูงสุดของสวรรค์และโลก (กฎของธรรมชาติ) ซึ่งหมายความว่า ความผันผวนของราคานั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และเป็นธรรมชาติที่จะดำรงอยู่ตลอดไปในตลาด และต้องทำการพิจารณาด้วยสติปัญญาว่า

    • ความผันผวนคือธรรมชาติอันแน่นอนของตลาด: การขึ้นลงของราคา ถือเป็นปรากฏการณ์พื้นฐานของตลาดการค้า นักลงทุนจึงไม่ควรตื่นตระหนกหรือแปลกใจเมื่อราคาเกิดความผันผวนขึ้น
    • เข้าใจภาวะช่วงเวลาที่ซบเซาของตลาด: นักลงทุนต้องเข้าใจถึงช่วงเวลาแห่งความอ่อนแอ หรือช่วงเวลาของตลาดหมี โดยที่การทำความเข้าใจและยอมรับต่อผันผวน ที่เกิดขึ้นได้ทั้งในภาวะที่ตลาดแข็งแกร่งและอ่อนแอนั้น จะช่วยให้เราสามารถดำเนินการซื้อขายได้อย่างมีเหตุผลและไม่ตื่นตระหนก
    • ใช้ธรรมชาติของตลาดให้เป็นประโยชน์: โดยแทนที่นักลงทุนจะพยายามเอาชนะความผันผวนหรือช่วงเวลาแห่งความอ่อนแอของตลาดนั้น นักลงทุนควรทำงานร่วมกับมันแทน โดยใช้ความผันผวนและความอ่อนแอของตลาดเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเข้าหรือขายออกในจังหวะที่เหมาะสม

    3.2 การเรียนรู้จากอดีตเพื่อสร้างกลยุทธ์ในปัจจุบัน 

    หลักการนี้ปรากฏชัดในปรัชญา “ทบทวนสิ่งเก่าและเรียนรู้สิ่งใหม่ เพื่อใช้ประโยชน์จากกฎแห่งธรรมชาติ” ซึ่งเป็นพื้นฐานของการวิเคราะห์ตลาด และการสร้างสรรค์สูตรสำเร็จในการลงทุนที่ยั่งยืน โดยที่เขาได้เน้นย้ำถึงสิ่งต่างๆดังต่อไปนี้

    • วิเคราะห์วัฏจักรและประวัติศาสตร์: นักลงทุนต้องใช้ข้อมูลในอดีต (สิ่งเก่า) เพื่อทำความเข้าใจรูปแบบและวัฏจักรของตลาด (สิ่งใหม่) อาทิเช่น ในการค้าข้าวสมัยก่อน นักลงทุนจะสังเกตถึงคุณภาพและปริมาณที่เหลืออยู่ของข้าวเก่า เพื่อประเมินราคาของข้าวใหม่ และ/หรือทำนายถึง “ปีแห่งความอุดมสมบูรณ์” ที่อาจกำลังจะมาถึง
    • การประยุกต์สิ่งเก่าเข้ากับสิ่งใหม่: โดยที่นักลงทุนควรวิเคราะห์ รูปแบบราคาในอดีต (เช่น การวิเคราะห์กราฟแท่งเทียนที่ มุเนฮิสะ มีส่วนในการริเริ่ม) ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์วัฏจักรทางเศรษฐกิจมหภาคและปัจจัยพื้นฐานในปัจจุบัน อาทิเช่น เขาเคยได้เน้นย้ำว่า ฤดูกาลแห่งการเก็บเกี่ยวข้าวที่ดีหรือไม่ดีในแต่ละปีนั้น คือรากฐานของการขึ้นลงของราคาตลาดข้าว

    3.3 การยึดมั่นในระบบการลงทุนและการปรับตัวอย่างยืดหยุ่น 

    โดยที่ มุเนฮิสะ ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของ “สูตรสำเร็จ” ซึ่งเปรียบเสมือนการมี ระบบการลงทุน (Trading/Investing System) หรือแผนการลงทุนที่ชัดเจนเอาไว้อยู่เสมอ แต่ก็ได้กล่าวถึงความสำคัญของความยืดหยุ่นและการปรับตัวเอาไว้เช่นเดียวกันดังต่อไปนี้

    • การสร้างสรรค์และการลงทุนอย่างมีวินัยผ่านสูตรสำเร็จ: โดยที่สูตรสำเร็จนี้ควรมีรากฐานมาจากหลักการลงทุนที่มีเหตุมีผล ไม่ใช่เพียงแค่รูปแบบของกราฟหรือเทคนิคต่างๆที่เกิดขึ้น แต่ต้องต้องมีทฤษฎีทางเศรษฐกิจอยู่เบื้องหลังของมันด้วย  
    • ความยืดหยุ่นคือกุญแจ: แม้ว่าเขาจะเน้นย้ำให้ทำการลงทุนอย่างเป็นระบบ อย่างไรก็ตาม สูตรสำเร็จหรือระบบการลงทุนเหล่านี้ ก็ไม่ควรที่จะเป็นสูตรที่ตายตัวที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่ควรจะเป็นสูตรที่สามารถปรับเปลี่ยนและรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้ในตัวมันเองเช่นเดียวกัน
    • การปรับตัวอย่างยืดหยุ่น: นอกจากนั้นแล้ว จากที่เขาได้กล่าวไว้ว่าความผันผวนและไม่แน่นอนนั้นคือความแน่นอนของตลาด นักลงทุนจึงควรต้องสามารถและทำการปรับปรุงกลยุทธ์หรือสูตรการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่ปรากฏในตลาด และธรรมชาติของตลาดที่จะค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่รู้สิ้นด้วยเช่นเดียวกัน

    3.4 การจัดการจิตวิทยาในการลงทุน ตามหลักการจากปริศนาธรรมแห่ง “วานรสามตัว”

    เราจะเห็นได้ว่าชื่อคัมภีร์ “น้ำพุแห่งทองคำของวานรสามตัว” นั้น ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อการควบคุมจิตใจและจิตวิทยาในการลงทุนเป็นอย่างสูง โดยที่ มุเนฮิสะ ได้กล่าวถึงหลักในการควบุคมประสาทสัมผัสและอคติทางจิตใจที่ทักก่อให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาดในการลงทุน และได้ให้หลักการในการควบคุมจิตใจโดยอาศัยปริศนาธรรมลิงสามตัวของลัทธิเซนดังต่อไปนี้

    • ปิดตา: อย่าสนใจต่อสิ่งรบกวนรอบข้างที่อยู่นอกเหนือแผนการลงทุน และหลงกลกับสิ่งที่เห็นบนกราฟอย่างง่ายดาย เช่น ราคาที่ขึ้นลงอย่างรุนแรงในระยะสั้น ซึ่งอาจนำไปสู่การซื้อขายตามอารมณ์ในภายหลัง
    • ปิดหู: อย่าสนใจต่อความเห็นหรือข่าวสารที่ไม่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเชื่อข่าวลือหรือข้อมูลต่างๆอย่างง่ายดาย เพราะการรับฟังเสียงของตลาดที่เต็มไปด้วยความโลภและความกลัวนั้น อาจทำให้จิตใจของเราหลงทางจากแผนการลงทุนที่ตั้งไว้
    • ปิดปาก: อย่าได้บอกกล่าวแผนการลงทุนหรือสินทรัพย์ที่ถือครองอยู่ในขณะนั้นให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องได้รับทราบโดยไม่จำเป็น เนื่องจากอาจทำให้ข้อมูลความลับในการลงทุนรั่วไหลจนเกิดความเสียหายได้ และอาจทำให้จิตใจของเรามีอคติยึดติดกับสิ่งที่เราได้พูดออกไป จนขาดความยืดหยุ่นในการตัดสินใจและปรับเปลี่ยนแผนการของเราอย่างเหมาะสม

    3.5 การจับจังหวะเวลาที่เหมาะสมและการลงทุนที่สวนทางกับคนส่วนใหญ่

    มุเนฮิสะ เชื่อว่าจังหวะเวลาที่เหมาะสมนั้นเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการลงทุน (Timing) โดยเฉพาะในการใช้กลยุทธ์การลงทุนที่มักซื้อขายในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับแนวคิดของคนส่วนใหญ่ (Contrarian Investing) โดยที่เขาได้พูดถึงหลักการและแนวคิดของเขาเอาไว้ดังนี้

    • กลยุทธ์พลิกฝ่ามือ (逆 手 – Gyakushu): นักลงทุนควรคิดพิจารณากลยุทธ์ในการลงทุนที่ สวนทาง (Contrarian) กับกระแสหลักและแนวคิดหรือความเคยชินของคนส่วนใหญ่ โดยมุเนฮิสะกล่าวว่า “เมื่อทุกคนมีมุมมองเป็นขาลง (bearish) นั่นคือเหตุผลที่ราคาจะสูงขึ้น และเมื่อมวลชนรีบวิ่งไปทางตะวันตก อย่างบ้าคลั่ง (แห่ซื้อ) นั่นคือเวลาที่เราต้องมุ่งหน้าไปทางตะวันออก (แห่ขาย)”
    • การอาศัยจังหวะจากวัฏจักรที่สำคัญ: การตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนนั้น ควรเชื่อมโยงกับวัฏจักรตามธรรมชาติของเศรษฐกิจต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องไปกับกฎแห่งสวรรค์ อาทิเช่น ฤดูกาลทั้งสี่ในการเก็บเกี่ยวข้าว ซึ่งเทียบได้กับการวิเคราะห์วัฏจักรทางเศรษฐกิจมหภาคในปัจจุบัน
    • การรอคอยจังหวะอย่างมีวินัย: จังหวะที่เหมาะสมและเชื่อมโยงกับวัฎจักรทางเศรษฐกิจต่างๆนั้นไม่ได้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาหรือเกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน นักลงทุนที่ชาญฉลาดจึงต้องรู้จักรอคอยช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่จะเข้าซื้อหรือขายและลงทุนอย่างมีวินัยตามการวิเคราะห์และแผนการที่ได้วางเอาไว้ เพื่อให้การลงทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากที่สุดนั่นเอง

    4. แง่คิดในการใช้ชีวิตและการลงทุนเพื่อความสมดุลย์ของเทพเจ้าแห่งการเก็งกำไรของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ

    พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮอนมะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านพัก Seienkaku และสวน Kakubu-en ที่เมืองซากะตะ

    ภาพที่ 6 : พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮอนมะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านพัก Seienkaku และสวน Kakubu-en ที่เมืองซากะตะ

    นอกเหนือไปจากที่คัมภีร์ “น้ำพุแห่งเงินตรา” จะได้บันทึกถึงเคล็ดลับและหลักการลงทุนของ มุเนฮิสะ ไว้ให้พวกเราได้ทำการศึกษาและนำไปประยุกต์ใช้ในการลงทุนกันแล้วนั้น มันก็ยังได้มอบบทเรียนและปรัชญาแง่คิดในการใช้ชีวิตอันล้ำค่าและไร้กาลเวลาไว้ให้กับพวกเราเช่นเดียวกัน โดยที่หลักการเหล่านี้สามารถที่จะถูกนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลายในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันดังต่อไปนี้ 

    4.1 การหยุดพักคือส่วนหนึ่งของการลงทุน (และส่วนหนึ่งของชีวิต)

    มุเนฮิสะได้เน้นย้ำถึงการมี วินัยและความอดทนในการลงทุน อยู่เสมอ โดยที่เขาเองก็ไม่ได้ทำการซื้อขายและทำการลงทุนอยู่ตลอดเวลา แต่จะรอคอยจังหวะอย่างอดทนจนกว่าจะพบโอกาสที่ดีที่สุดเกิดขึ้นมา โดยที่เขาได้กล่าวไว้ว่า “การมีคำสั่งซื้อขายอยู่ในมือตลอดทั้งปี จะทำให้โชคลาภอยู่ห่างไกลออกไป” และเมื่อเราสามารถทำกำไรจากตลาดได้แล้วนั้น เขาก็แนะนำว่าเราควรรีบขายทำกำไรในระดับที่เหมาะสม และทำการหยุดพักอย่างเหมาะสมในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อทบทวนการลงทุนและชำระจิตใจ รวมถึงรอคอยโอกาสที่เหมาะสมครั้งใหม่จากตลาดอีกครั้ง ปรัชญา “การหยุดพักคือส่วนหนึ่งของการลงทุน” นี้จึงควรเป็นสิ่งเตือนใจสำหรับนักลงทุนในยุคใหม่หลายๆคน ว่าแม้เราจะสามารถซื้อขายอย่างรวดเร็วได้ตลอด 24 ชั่วโมง ในตลาดสินทรัพย์ทั่วโลก ด้วยเทคโนโลยีและความก้าวหน้าต่างๆในสมัยนี้ แต่ธรรมชาติของตลาดและโอกาสที่เหมาะสมและดีที่สุดนั้นยังคงมีอยู่อย่างจำกัดตามวาระทางเศรษฐกิจอยู่เช่นเดิม ซึ่งความรีบร้อนและความโลภมากจนเกินไปนั้นคือสาเหตุหลักของการขาดทุนของนักลงทุนส่วนใหญ่

    4.2 ความกล้าหาญคือสิ่งที่จำเป็นในการคิดและการกระทำสวนกระแส

    โดยที่หัวใจสำคัญอย่างหนึ่งในปรัชญาการลงทุนของ ฮอนมะ มุเนฮิสะ นั้น คือการใช้ ความกล้าหาญ (勇) ในการทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับอารมณ์ของมวลชน (เพราะคนส่วนใหญ่มักผิดพลาดตามกฎของคนส่วนน้อย The Vital Few) อาทิเช่น เมื่อตลาดตกต่ำจนทุกคนท้อแท้และยอมรับว่าเป็นตลาดหมี นั่นแหละคือเวลาที่คุณต้อง “กระโดดลงทะเล” ด้วยความมุ่งมั่นและเริ่มเข้าซื้ออย่างเด็ดเดี่ยว และในทางกลับกันนั้น เมื่อตลาดเต็มไปด้วยความโลภและความมั่นใจจนเกินเหตุ นั่นก็คือสัญญาณเตือนให้ระวังต่อการกลับตัวของตลาดและการพิจารณาขายนั่นเอง ซึ่งความกล้าหาญในการที่จะยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะสวนทางกับความรู้สึกของคนส่วนใหญ่เหล่านี้ ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีค่าและสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นๆของชีวิตได้เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน

    4.3 ความล้มเหลวคือบันไดสู่ความสำเร็จ

    จากการศึกษาถึงชีวประวัติของ มุเนฮิสะ นั้น เราจะพบว่าแม้แต่เทพเจ้าแห่งการเก็งกำไรเองนั้น ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จตั้งแต่ความพยายามในครั้งแรกๆ อย่างไรก็ตาม การล้มละลายที่เอโดะในช่วงต้นของชีวิตนั้น กลับกลายเป็นบทเรียนที่ล้ำค่าที่สุดของเขา โดยที่เขาได้นำความผิดพลาดเหล่านั้นมาวิเคราะห์และปรับปรุง จนเกิดเป็นกลยุทธ์และวิธีการลงทุนที่สมบูรณ์แบบในตลาดข้าวโอซาก้าในที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้ย้ำเตือนให้พวกเราทุกคนได้เห็นกันอีกครั้งว่า ทุกความผิดพลาดคือ โอกาสในการเรียนรู้และเติบโตต่อไป หากเรารู้จักที่จะใช้มันให้เป็นประโยชน์ในอนาคต ตามค่านิยมของชาวญี่ปุ่นที่มักยกย่องต่อผู้ที่ได้ฝ่าฟันผ่านความผิดพลาดและล้มเหลวหลายต่อหลายครั้งจนประสบความสำเร็จในที่สุด มากกว่าผู้ที่สำเร็จได้โดยง่ายดายมาแต่ช้านาน

    4.4 การมีความรับผิดชอบต่อสังคมนอกเหนือจากเพียงแค่การสร้างกำไรส่วนตัว

    โดยจากชีวประวัติของเข้านั้น เราจะเห็นได้ว่าแม้ มุเนฮิสะ และตระกูลฮอมมะของเขานั้นจะสร้างความมั่งคั่งจากการค้าขายได้อย่างมหาศาล (ว่ากันว่า มุเนฮิสะ อาจสร้างผลกำไรได้เทียบเท่ากับมูลค่าราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปัจจุบันเลยทีเดียว) แต่ มุเนฮิสะ และตระกูลของเขานั้นก็ได้ใช้ทรัพย์สินจำนวนมากในการบริจาคเพื่อโครงการสาธารณะ เช่น การสร้างป่าชายฝั่งเพื่อป้องกันทราย และโครงการชลประทานในแม่น้ำโมกามิ

    การกระทำนี้เช่นนี้แสดงให้เห็นถึงแง่คิดในการค้าขายด้วยการมีปรัชญาทางธุรกิจและเจตนารมย์ที่จะสร้างประโยชน์ให้กับสังคมโดยรวม และยังสะท้อนค่านิยมที่ว่า ความสุขของการทำกำไรนั้นไม่ได้อยู่แต่เพียงที่จำนวนเงินที่ทำได้ แต่เป็นการนำเงินที่ได้มาไปใช้ให้เป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้นกว่านั้นต่างหาก 

    ซึ่งสิ่งต่างๆที่เขาและตระกูลฮอมมะได้กระทำลงไปนั้น ก็ได้ช่วยช่วยสร้างเกียรติแก่วงตระกูล และยังช่วยปกป้องตระกูลของเขาจากอำนาจของรัฐบาลในยุคนั้นด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งถือเป็นการยิงปืนนัดเดียว แต่ได้นกหลายตัว และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายไปพร้อมๆกัน

    5. 🤖💬 พูดคุยกับ AI Chatbot จากคัมภีร์ “น้ำพุแห่งเงินตรา” และบทสรุปของความลับแห่งความมั่งคั่งของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ เทพเจ้าแห่งการเก็งกำไร

    ภาพ AI Generated จากรูปวาดดั้งเดิมของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ เทพเจ้าแห่งการเก็งกำไร ผู้คิดค้นกราฟแท่งเทียน ซึ่งกำลังพูดคุยและให้คำปรึกษากับลูกศิษย์ผู้ไฝ่รู้ ซึ่งได้ถูกแปลงเป็น Homma AI โดยทีมงาน SiamQuant

    ภาพที่ 7 : ภาพ AI Generated จากรูปวาดดั้งเดิมของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ เทพเจ้าแห่งการเก็งกำไร ผู้คิดค้นกราฟแท่งเทียน ซึ่งกำลังพูดคุยและให้คำปรึกษากับลูกศิษย์ผู้ไฝ่รู้ ซึ่งได้ถูกแปลงเป็น Homma AI โดยทีมงาน SiamQuant

    จากชีวประวัติและเนื้อหาต่างๆที่เราได้ทำการสรุปมาจากคัมภีร์ “น้ำพุแห่งเงินตรา” ของฮอมมะ มุเนฮิสะ ที่เราได้ทำการสรุปมาให้อ่านกันนั้น จะเห็นได้ว่าคัมภีร์เล่มนี้มิได้เป็นเพียงตำราหรือบันทึกลับในการเก็งกำไรของเขาเพียงเท่านั้น แต่ยังกลับแฝงไปด้วยปรัชญาในการใช้ชีวิตที่ลึกซึ้ง 

    โดยเขาได้ชี้ให้เห็นว่าความมั่งคั่งที่ยั่งยืนนั้น สามารถเกิดขึ้นได้จากการยอมรับต่อความผันผวนของตลาด การรู้จักเรียนรู้ข้อมูลในอดีตเพื่อนำมาปรับใช้ในปัจจุบัน และการยึดมั่นในการลงทุนอย่างเป็นระบบ ด้วยระบบการลงทุนที่ยืดหยุ่น พร้อมการพัฒนาระบบหรือสูตรสำเร็จในการลงทุนให้เหมาะสมกับตลาดยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว หัวใจสำคัญของการลงทุนก็คือการควบคุมจิตใจให้พ้นจากอคติ โดยอาศัยหลักปรัญชา “วานรสามตัว” ในการ ปิดตา ปิดหู ปิดปาก และกล้าที่จะกระทำการลงทุนสวนทางกับกระแสหลัก นอกจากนี้แล้ว มุเนฮิสะยังได้สอนและเน้นย้ำให้รู้จักการหยุดพักเพื่อทบทวนบทเรียนในการลงทุนในระหว่างที่รอคอยจังหวะครั้งใหม่จากตลาดอีกครั้ง การมีความกล้าหาญในการเผชิญความล้มเหลว และการมีความรับผิดชอบต่อสังคมนอกเหนือไปจากแค่เพียงการสร้างผลกำไรให้กับตนเอง 

    ซึ่งแนวคิดและปรัชญาทั้งหมดนี้นั้น ได้เคยเป็นสิ่งที่นำพาให้เขาสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองจากความล้มเหลวและการล้มละลายในการลงทุน จนกลายเป็นดั่งเทพเจ้าแห่งการเก็งกำไรในตลาดข้าวของชาวญี่ปุ่น และยังได้ส่งต่อมรดกทางความคิดและเครื่องมือกราฟแท่งเทียนในการวิเคราะห์การลงทุนด้วย Candle Stick Chart ที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้มากที่สุดอย่างหนึ่งในยุคปัจจุบันนี้นั่นเอง

    สุดท้ายนี้นั้น หากคุณรู้สึกว่าได้แรงบันดาลใจจากการได้อ่านบทความชิ้นนี้ แต่ก็ยังรู้ว่ายังไม่จุใจหรือเกิดข้อสงสัยในหลักการบางอย่างอยู่ ทางทีมงาน SiamQuant จึงได้ทำการสร้างและจัดเตรียม AI Chatbot จากเนื้อหาของคัมภีร์ “น้ำพุแห่งเงินตรา” ของ ฮอมมะ มุเนฮิสะ ไว้ให้ทุกท่านได้ทำการเรียนรู้เพิ่มเติมกันเอาไว้แล้ว เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีประโยชน์กับทุกท่านไม่มากก็น้อย และขอให้ทุกคนมีความสุขเพลินและได้รับความรู้เพิ่มเติมจากการที่ได้พูดคุยกับท่าน ฮอมมะ มุเนฮิสะ AI Chatbot กันนะครับ (ท่าน ฮอมมะ อาจจะตอบช้าหน่อยนะครับ เพราะท่าน ฮอมมะ ต้องใช้เวลาในการครุ่นคิดไตร่ตรองสักครู่ กรุณาใจเย็นๆนิดนึงนะครับ 😆)

    โดยหากเห็นว่าบทความชิ้นนี้มีประโยชน์ ก็ขอเชิญทุกท่านช่วยกันแชร์เพื่อเป็นกำลังใจกับพวกเราในการทำ Content ใหม่ๆออกมาได้ตามอัธยาศรัยครับ อาริกาโตะ โกะไซมัสตะ ขอบคุณครับ! 🙇🏻

    90
    SHARES
    90FacebookXLine
    candle stick homma munehisa การลงทุนอย่างเป็นระบบ
    SiamQuant Team
    • Website
    • Facebook
    • X (Twitter)

    Admin ผู้ดูแลเว็บไซต์ SiamQuant.com ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อการแบ่งปันความรู้และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการลงทุนอย่างเป็นระบบให้กับนักลงทุนไทย

    Related Posts

    ปรัชญาการลงทุน 100 เท่า ของ Jeff Bezos

    January 19, 2022

    รีวิวผลตอบแทน 40 กลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยปี ค.ศ. 2021

    January 5, 2022

    การลงทุนอย่างเป็นระบบและหลักการ PDCA อาวุธลับในการยกระดับการลงทุน!

    September 17, 2020
    Leave A Reply Cancel Reply

    You must be logged in to post a comment.

    Continue with Google
    หมวดหมู่บทความ
    บทความล่าสุด

    สุดยอดสินทรัพย์ทางการเงิน เพื่อการจัดพอร์ตการลงทุนระดับโลกที่ยั่งยืนเหนือกาลเวลา

    November 14, 2025

    มหัศจรรย์แห่งการจัดพอร์ตการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์แบบ Global Strategic Asset Allocation (GSAA)

    November 12, 2025

    🤝 ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง SiamQuant และ Krungthai XSpring (KTX)

    November 11, 2025

    ลงทะเบียนรับข่าวสารและบทความ

    กรอก E-Mail ของคุณ เพื่อติดตามข่าวสาร, องค์ความรู้ และงานวิจัยด้านการลงทุนชิ้นใหม่ๆจากพวกเรา Free!

    Social Medias ของเรา
    • YouTube
    • Facebook
    กองทุนส่วนบุคคลเชิงปริมาณ
    Demo
    Facebook YouTube
    © 2025 Copyright by SiamQuant.

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    XEmail
    90
    SHARES
    90