Close Menu
SiamQuantSiamQuant
    Facebook YouTube
    Facebook YouTube
    SiamQuantSiamQuant
    ติดต่อเรา
    • กองทุนส่วนบุคคล
    • บทความและงานวิจัย
    • ร่วมงานกับเรา
      • รายละเอียดการรับสมัครทีมงาน
      • Researcher
      • Developer
      • Operations
      • Marketer
    • เกี่ยวกับเรา
      • เกี่ยวกับ SiamQuant
      • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)
    • มุมสมาชิก
      • บัญชีของฉัน
      • AlphaClass Video Courses
      • AlphaSuite Installer & Manual
    SiamQuantSiamQuant
    Facebook YouTube
    Home»งานวิจัยและบทความทั้งหมด»องค์ความรู้จากการลงทุนอย่างเป็นระบบ»ผลกระทบและแนวทางป้องกันความเสี่ยงของ “ค่าเงิน” กับการลงทุนในต่างประเทศ
    องค์ความรู้จากการลงทุนอย่างเป็นระบบ

    ผลกระทบและแนวทางป้องกันความเสี่ยงของ “ค่าเงิน” กับการลงทุนในต่างประเทศ

    SiamQuant TeamBy SiamQuant TeamDecember 8, 2025Updated:December 9, 2025No Comments4 Mins Read
    ผลกระทบและแนวทางการปกป้องความเสี่ยงจากค่าเงินของการลงทุนในต่างประเทศ - Cover Image - SiamQuant
    FacebookXLine

    “ไม่อยากลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างเดียวแล้ว แต่ถ้าไปลงทุนเมืองนอกแล้วกำไรหุ้น แต่ขาดทุนค่าเงิน สุดท้ายจะเหลืออะไร?”

    และ

    “ผมควรซื้อกองทุนแบบป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (Fully Hedged) หรือปล่อยไหลตามธรรมชาติ (Unhedged) ดีครับ?”

    … นี่คือคำถามยอดฮิตที่ทำให้นักลงทุนไทยหลายคนยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะพาเงินออกไปเติบโตในต่างประเทศ และเป็นคำถามที่ SiamQuant ได้รับค่อนข้างบ่อยเมื่อพูดถึงเรื่องของการลงทุนในต่างประเทศแทบทุกครั้ง เราจึงอยากที่จะตอบคำถามเหล่านี้ผ่านบทความนี้ ด้วยข้อมูลจากการวิจัยถึงผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินในการลงทุนต่างประเทศของพวกเรากันครับ

    Table of Contents

    Toggle
    • 1. “ค่าเงิน” ความเสี่ยงที่มักถูกมองข้ามของการลงทุนในต่างประเทศ
    • 2. ผลกระทบจากค่าเงิน และแนวทางการจัดการความเสี่ยงค่าเงิน
      • 2.1 ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน
      • 2.2 แนวทางในการจัดการความเสี่ยงค่าเงิน (Unhedge vs. Hedge)
        • 2.2.1 กลยุทธ์ Un-Hedged การเลือกที่จะไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน
        • 2.2.2 กลยุทธ์ Hedged การเลือกที่จะป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน
        • 2.2.3 ตารางเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียเชิงกลยุทธ์ของการ Unhedge vs. Hedged
    • 3. สมมติฐานและรายละเอียดการวิจัยทดสอบ (Research Methodology & Backtest Settings)
    • 4. ผลลัพธ์และการวิเคราะห์ (Results & Analysis)
    • 5. บทสรุปผลกระทบของค่าเงินในการลงทุนต่างประเทศ และทางเลือกในการบริหารจัดการความเสี่ยงค่าเงิน

    1. “ค่าเงิน” ความเสี่ยงที่มักถูกมองข้ามของการลงทุนในต่างประเทศ

    ในยุคที่ตลาดการเงินเชื่อมโยงถึงกันทั่วโลกนั้น การลงทุนในต่างประเทศก็เริ่มที่จะไม่ใช่ทางเลือกในการลงทุนอีกต่อไป แต่มันกลับกลายเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนไทยในปัจจุบัน ที่ต้องการสร้างพอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะการจำกัดการลงทุนอยู่แค่ในประเทศไทยนั้น จะเปรียบเสมือนกับการปิดกั้นโอกาสในการเข้าถึงแหล่งผลตอบแทนที่หลากหลาย และมีศักยภาพในการกระจายความเสี่ยงในโลกที่ไร้พรมแดนในขณะนี้

    อย่างไรก็ตาม การลงทุนในต่างประเทศก็มาพร้อมกับความท้าทายในหลายๆมิติด้วยเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินระหว่างประเทศ (Currency Risk) นั่นจึงหมายความว่า สำหรับนักลงทุนไทยที่ไปทำการลงทุนในต่างประเทศนั้น ผลตอบแทนสุดท้ายในรูปของเงินบาทไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของตลาดหุ้นสหรัฐฯเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินประเทศนั้นๆด้วยเช่นเดียวกันนั่นเอง

    ดังนั้นแล้ว เมื่อความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเป็นส่วนหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของการลงทุนในต่างประเทศ รวมไปถึงการจัดพอร์ตการลงทุนทั่วโลกแบบ Global Strategic Asset Allocation (GSAA) การทำความเข้าใจถึงผลกระทบของค่าเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เราสามารถควบคุมและเลือกกลยุทธ์ในการบริหารจัดการความเสี่ยงจากค่าเงินที่เหมาะสมกับตนเองได้อย่างเหมาะสมที่สุดกันนั่นเอง

    2. ผลกระทบจากค่าเงิน และแนวทางการจัดการความเสี่ยงค่าเงิน

    2.1 ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน

    ในการทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินว่ามีผลกระทบได้อย่างไรและมากแค่ไหนนั้น ในบทความนี้จะขอพูดถึงอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินระหว่างสกุลเงินดอลลาร์และเงินบาทเป็นหลัก (USD/THB) เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีค่าเงินเป็นสกุลเงินหลักของโลก และเป็นประเทศที่เป็นศูยน์กลางในการลงทุนต่างประเทศของนักลงทุนไทยในปัจจุบันกันนั่นเอง

    โดยที่กุญแจสำคัญในการบริหารความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศนั้น ก็คือการทำความเข้าใจแนวคิดหลักที่ว่า

    ทุกการลงทุนในต่างประเทศนั้น คือการลงทุนในสินทรัพย์สองอย่างในเวลาเดียวกัน นั่นก็คือ:

    1. การลงทุนในตัวสินทรัพย์นั้นๆ
    2. การลงทุนในค่าเงินของประเทศที่เราไปทำการลงทุนนั่นเอง

    (Every international investment is two investments: one in the security itself and the one in the currency.)

    นั่นจึงหมายความว่าผลตอบแทนสุดท้ายในรูปเงินบาทของนักลงทุนไทย จะไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของหุ้นสหรัฐฯเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวและทิศทางของค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯกันอีกด้วย

    และเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เราจึงอยากให้คุณได้ลองพิจารณาตัวอย่างสมมติของนักลงทุนไทยที่ซื้อหุ้นในดัชนี S&P 500 ดังตารางต่อไปนี้ ซึ่งความไม่แน่นอนเหล่านี้มักถูกเรียกกันว่า “ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Currency Risk หรือ Exchange-rate Risk)” ซึ่งเป็นปัจจัยที่นักลงทุนต้องตระหนักและบริหารจัดการอย่างรอบคอบ เพื่อให้เข้าใจผลกระทบนี้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

    กรณีค่าเงินบาทแข็งค่า (USD อ่อนค่า) กรณีค่าเงินบาทอ่อนค่า (USD แข็งค่า)
    1. นักลงทุนนำเงินบาทไปแลกเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อซื้อหุ้น 1. นักลงทุนนำเงินบาทไปแลกเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อซื้อหุ้น
    2. หนึ่งปีผ่านไป หุ้น S&P 500 ให้ผลตอบแทน +10% ในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ 2. หนึ่งปีผ่านไป หุ้น S&P 500 ให้ผลตอบแทน +10% ในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ
    3. แต่ ในช่วงเวลาเดียวกัน เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง -5% เมื่อเทียบกับเงินบาท (เงินบาทแข็งค่าขึ้น) 3. และ ในช่วงเวลาเดียวกัน เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น +5% เมื่อเทียบกับเงินบาท (เงินบาทอ่อนค่าลง)
    4. เมื่อขายหุ้นและแลกเงินกลับมาเป็นบาท ผลตอบแทนสุทธิจะอยู่ที่ +4.5%
    (1.10 x 0.95) – 1 = 0.045
    4. เมื่อขายหุ้นและแลกเงินกลับมาเป็นบาท ผลตอบแทนสุทธิจะอยู่ที่ +15.5%
    (1.10 x 1.05) – 1 = 0.155

    ตารางที่ 1: ตารางอธิบายตัวอย่างของผลกระทบจากค่าเงินในการนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา

    โดยที่ภาพและตารางต่อไปนี้ จะแสดงให้เห็นถึงอัตราผลตอบแทนและความเสี่ยงจริงๆ ที่นักลงทุนไทยได้เคยพบเจอจากการนำเงินบาทไปลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา

    อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน USD/THB และผลตอบแทนสะสมจากการนำเงินบาทไปลงทุนยังประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005-2025

    ภาพที่ 1: อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน USD/THB และผลตอบแทนสะสมจากการนำเงินบาทไปลงทุนยังประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005-2025

    Portfolio Metrics THB-Exchange Rate
    Cumulative Profit -0.02
    Annualized Return % (CAGR) -0.18
    Ann. StDev 6.46
    Max DD % -18.57
    Longest DD (Months) -81.29

    ตารางที่ 2: สถิติอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน USD/THB และผลตอบแทนจากการนำเงินบาทไปลงทุนยังประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005-2025

    2.2 แนวทางในการจัดการความเสี่ยงค่าเงิน (Unhedge vs. Hedge)

    หลังจากที่เราได้เข้าใจและรับทราบถึงผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินกันไปแล้วนั้น สิ่งสำคัญในลำดับถัดไปก็คือคำที่ว่า

    “แล้วเราจะบริหารจัดการความเสี่ยงค่าเงินเหล่านี้กันอย่างไรดีกันล่ะ?”

    นั่นหมายความว่าในการแก้ไขปัญหาความเสี่ยงที่เกิดขึ้นนี้ คุณจะต้องเผชิญกับทางเลือกเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญนั่นก็คือ คุณจะยอมรับความผันผวนของค่าเงินที่เกิดขึ้น (Embrace) หรือจะหาวิธีการจำกัดผลกระทบนั้นให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดแทน (Neutralize)

    ซึ่งแน่นอนว่าหากคุณเลือกที่จะทำการลงทุนด้วยตัวเองนั้น การยอมรับต่อความผันผวนและผลกระทบจากค่าเงินที่จะต้องเกิดขึ้น ก็คงจะเป็นทางเลือกหลักๆที่คุณจะสามารถทำได้โดยง่าย แต่หากว่าคุณเลือกที่จะทำการลงทุนผ่านกองทุนต่างๆแทนนั้น คุณก็อาจจะมีทางเลือกในการบริหารจัดการความเสี่ยงค่าเงินสำหรับการการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการเลือกกองทุนที่จะปกป้องความเสี่ยงหรือไม่ปกป้องความเสี่ยงค่าเงินนั่นเอง

    โดยที่เนื้อหาในส่วนต่อไปนี้ จะอธิบายถึงสองแนวทางหลักในการบริหารจัดการความเสี่ยงค่าเงิน ที่คุณและนักลงทุนรายบุคคลโดยทั่วไปจะสามารถที่จะเลือกพิจารณาได้ ได้ผ่านกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคลบางแห่งครับ

    2.2.1 กลยุทธ์ Un-Hedged การเลือกที่จะไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน

    โดยที่แนวทาง Un-Hedged นี้ คือการเปิดรับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเต็มที่ ซึ่งผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับจึงเป็นผลรวมโดยตรงระหว่าง ผลการดำเนินงานของสินทรัพย์ในสกุลเงินท้องถิ่น บวกกับ การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินสกุลนั้นเมื่อเทียบกับเงินบาท นั่นหมายความว่า หากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาท นักลงทุนจะได้กำไรจากส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากผลตอบแทนของสินทรัพย์ แต่ในทางกลับกัน หากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ก็จะทำให้ผลตอบแทนโดยรวมลดลงเช่นกัน กลยุทธ์นี้จึงเป็นการเพิ่มอีกหนึ่งชั้นของความผันผวนเข้ามาในพอร์ต

    2.2.2 กลยุทธ์ Hedged การเลือกที่จะป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน

    สำหรับแนวทาง Hedged นี้นั้น มีเป้าหมายเพื่อ “ล็อก” หรือ “กำจัด” ผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนที่มีต่อผลตอบแทนออกไป โดยกองทุนจะใช้เครื่องมือทางการเงิน อาทิเช่น สัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Currency Forwards) หรือ สวอป (Swaps) หรือสัญญาฟิวเจอร์ส (Futures) เพื่อป้องกันความเสี่ยง โดยมุ่งหวังให้ผลตอบแทนของนักลงทุนใกล้เคียงกับผลการดำเนินงานของสินทรัพย์อ้างอิงในสกุลเงินท้องถิ่นมากที่สุด

    อย่างไรก็ตาม การป้องกันความเสี่ยงด้วยการทำ Currency Hedging เหล่านี้ มักจะมี ต้นทุนการป้องกันความเสี่ยง (Hedging Cost) ในการดำเนินการ ซึ่งจะกลายเป็นต้นทุนที่ถูกหักออกจากผลตอบแทนในการลงทุนอยู่เสมอ โดยต้นทุนเหล่านี้จะมากหรือน้อยเท่าไหร่นั้น จะมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงินในแต่ละช่วงเวลา (ในกรณีนี้คือ USD และ THB) จนอาจทำให้พอร์ตการลงทุนเกิดต้นทุนที่สูงขึ้นมากในบางช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยต่างประเทศสูงกว่าประเทศไทยได้เช่นเดียวกัน

    แต่ในทางกลับกันนั้น ด้วยการที่เราเลือกที่จะ “ล้อก” หรือ “กำจัด” ผลกระทบของค่าเงินออกไปให้มากที่สุด นั่นจึงอาจทำให้นักลงทุนพลาดโอกาสที่จะได้รับกำไรเพิ่มเติมจากค่าเงิน หากค่าเงินเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์ได้เช่นเดียวกันด้วย

    2.2.3 ตารางเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียเชิงกลยุทธ์ของการ Unhedge vs. Hedged

    หัวข้อเปรียบเทียบ Unhedged (ไม่ป้องกันความเสี่ยง) Hedged (ป้องกันความเสี่ยง)
    เป้าหมายหลัก ยอมรับความผันผวนเพื่อผลตอบแทนรวมระยะยาวและการกระจายความเสี่ยง กำจัดความผันผวนค่าเงินเพื่อโฟกัสผลตอบแทนจากตัวสินทรัพย์เพียงอย่างเดียว
    ข้อดี (Pros) ✅ มีโอกาสได้กำไรจากค่าเงิน: ได้กำไรจากแข็งค่าของเงินดอลลาร์
    ✅ ไม่มีต้นทุนแฝง: ประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำสัญญา Hedge
    ✅ ลดความผันผวนไม่แน่นอนจากค่าเงิน: รู้ผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับสินทรัพย์ที่ลงทุนจริง
    ✅ ป้องกันขาลงของค่าเงิน: ล็อคมูลค่าพอร์ตหากเงินบาทแข็งค่าขึ้นรุนแรง
    ข้อเสีย (Cons) ❌ ความผันผวนสูง: มูลค่าพอร์ตแกว่งตัวรายวันตามอัตราแลกเปลี่ยน
    ❌ มีโอกาสขาดทุนจากค่าเงิน: หากบาทแข็งค่าขึ้นยาวนานจะฉุดผลตอบแทนรวมลง
    ❌ มีต้นทุนในการ Hedged: มีต้นทุนในการปกป้องความเสี่ยงของพอร์ตตลอดเวลา
    ❌ ต้นทุนที่ไม่แน่นอนในการ Hedged: หากดอกเบี้ยต่างประเทศสูงกว่าไทย จะทำให้ต้นทุนในการปกป้องความเสี่ยงสูงขึ้นและกัดกินผลตอบแทนตลอดเวลา

    ตารางที่ 3: ตารางเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียเชิงกลยุทธ์ของการปกป้องความเสี่ยงค่าเงินในรูปแบบ Unhedged vs. Hedged

    โดยที่เนื้อหาในส่วนต่อไปหลังจากนี้นั้น เราจะทำการวิจัยทดสอบถึงผลกระทบของค่าเงินจริงๆ เมื่อเรานำเงินไปลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกากัน เพื่อที่จะช่วยทำให้คุณเกิดความเข้าใจผลกระทบของทั้งสองกลยุทธ์ได้อย่างลึกซึ้ง และสามารถตัดสินใจได้ว่าวิธีการจัดการความเสี่ยงค่าเงินแบบไหนที่จะเหมาะกับเป้าหมายและความสามารถในการแบกรับความเสี่ยงในการลงทุนของคุณได้ดีที่สุดกันครับ

    3. สมมติฐานและรายละเอียดการวิจัยทดสอบ (Research Methodology & Backtest Settings)

    สำหรับการวิจัยทดสอบทฤษฎีและกลยุทธ์การลงทุนในบทความนี้นั้น SiamQuant จะทำการกำหนดสมมติฐานและเงื่อนไขของการวิจัยให้มีความเข้มงวดในระดับหนึ่ง (ไม่ใช่ในเชิงทฤษฎี) เพื่อให้สมจริงกับการนำไปประยุกต์ใช้และทำการลงทุนของนักลงทุนส่วนบุคคล (Individual Investor Backtesting Conditions) และเพื่อให้เกิดประโยชน์และสะท้อต่อมุมมองของผู้อ่านโดยทั่วไปมากที่สุดดังต่อไปนี้

    Condition Details
    Backtest Window ค.ศ. 2015-2025 เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีข้อมูลในการทดสอบที่ครบถ้วนทั้งในแง่ของ
    ETF ที่เป็นตัวแทนสินทรัพย์ต่างๆ
    USD/THB Currency เพื่อใช้คำนวณผลกระทบจากค่าเงิน
    USD Futures เพื่อใช้คำนวณผลกระทบการทำ Hedging
    Backtest Setting เงินทุนเริ่มต้น: 1 ล้านบาท
    ค่า Commission: 0.25%/Trade (รวม 0.5% ไปกลับ)
    ค่า Slippage: 0.25%/Trade (รวม 0.5% ไปกลับ)
    ภาษีกำไรจากการลงทุน ตปท: ไม่มีผลกระทบ
    ค่าเงิน: ได้รับผลกระทบจากค่าเงิน USD/THB
    สัญญา USD Futures : ถูกปรับปรุงย้อนหลังแบบ Panama Back-adjusted เพื่อให้สะท้อนต้นทุนในการเปลี่ยนสัญญา (Roll Over) ในแต่ละช่วงระยะเวลา
    Universe กองทุนรวมดัชนี ETF ที่เป็นตัวแทนของสินทรัพย์การลงทุน
    Entry Filter ไม่มีการคัดกรองเพิ่มเติม
    Entry Conditions ทำการเข้าซื้อตั้งแต่วันแรก
    Exit Conditions ไม่มีการขายออก โดยจะถือไว้ตลอดช่วงระยะเวลาของการทดสอบ
    Position Size & Money Mgnt. กรณีที่ไม่มีการปกป้องความเสี่ยงของค่าเงิน จะทำการลงทุนในสินทรัพย์ด้วยเงินลงทั้งหมดที่มี (Position Size 100%)
    กรณีที่มีการปกป้องความเสี่ยงของค่าเงิน จะทำการลงทุนในสินทรัพย์ด้วยสัดส่วนการลงทุน 95% และใช้เงิน 5% สำหรับการปกป้องความเสี่ยงของค่าเงิน
    Risk Management ไม่มีการจัดการความเสี่ยงความเพิ่มเติม
    Order Type ซื้อและขายในวันทำการถัดไปหลังจากเกิดสัญญาณ
    Monitoring Time Frame ติดตามและตรวจสอบเป็นรายวัน

    ตารางที่ 4: สมมติฐานและรายละเอียดในการวิจัยทดสอบกลยุทธ์การจัดพอร์ตการลงทุนกับข้อมูลย้อนหลัง

    4. ผลลัพธ์และการวิเคราะห์ (Results & Analysis)

    ผลตอบแทนของการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น 1-3 เดือนผ่านกองทุนดัชนี ETF BIL ทั้งในรูปแบบสกุลเงินดอลลาร์ที่ยังโดนผลกระทบจากค่าเงิน (USD Base), แบบไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (UnHedged) และแบบป้องกันความเสี่ยงค่าเงินอย่างสมบูรณ์ (Fully Hedged)

    ภาพที่ 2: ผลตอบแทนของการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น 1-3 เดือนผ่านกองทุนดัชนี ETF BIL ทั้งในรูปแบบสกุลเงินดอลลาร์ที่ยังโดนผลกระทบจากค่าเงิน (USD Base), แบบไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (UnHedged) และแบบป้องกันความเสี่ยงค่าเงินอย่างสมบูรณ์ (Fully Hedged)

    Portfolio Metrics BIL-USD BIL-UnHedged BIL-FullyHedge
    Cumulative Profit 0.17 0.11 0.04
    Annualized Return % (CAGR) 1.49 0.97 0.34
    Ann. StDev 0.42 6.37 6.87
    Max DD % -0.36 -17.86 -8.57
    Longest DD (Months) -27 -80.95 -88.43
    MAR Ratio 4.14 0.05 0.04
    Ann. Sharpe (Rf = 3%) -5.99 -0.39 -0.44
    Sortino Ratio -0.24 -0.02 -0.03
    Correlation with BIL-USD 1 0.0441 0.062

    ตารางที่ 5: สถิติผลตอบแทนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น 1-3 เดือนผ่านกองทุนดัชนี ETF BIL ทั้งในรูปแบบสกุลเงินดอลลาร์ที่ยังโดนผลกระทบจากค่าเงิน (USD Base), แบบไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (UnHedged) และแบบป้องกันความเสี่ยงค่าเงินอย่างสมบูรณ์ (Fully Hedged)

    โดยจากข้อมูลผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุนดัชนีพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นหรือ BIL ทั้ง 3 รูปแบบนั้น จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า

    • ผลตอบแทนต้นทางในสกุลเงินดอลลาร์ของ BIL-USD นั้น มี CAGR ที่ราว 1.49% ต่อปีในช่วง 10 ที่ผ่านมา โดยมีค่าความผันผวนของพอร์ต Annualized Standard Deviation ที่ราว 0.42% และค่า Maximum Drawdown ที่ราว -0.36% เท่านั้น
    • อย่างไรก็ตาม เมื่อเราแปลงผลตอบแทนในสกุลเงินดอลลาร์ย้อนกลับมาเป็นค่าเงินบาท ทั้งในรูปแบบ Un-Hedged และ Fully-Hedged นั้น เราจะเห็นได้ว่าผลกระทบจากค่าเงินได้ทำให้คุณลักษณะของผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนดัชนี ETF BIL เปลี่ยนไปอย่างมาก โดยจะสังเกตได้จากค่า Correlation กับผลตอบแทนของ BIL-USD ที่เหลือเพียงราวๆ 0.04-0.06 เท่านั้น ซึ่งหมายความได้ว่าผลตอบแทนที่แปลงกลับเป็นเงินบาทแทบไม่มีความสัมพันธ์กับผลตอบแทนในสกุลเงินดอลลาร์เลย
    • สำหรับข้อสังเกตุที่สำคัญสำหรับการไม่ป้องความเสี่ยงค่าเงินแบบ Un-Hedged นั้น จะเห็นได้ว่าพอร์ตการลงทุนจะมีความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น จากทั้งความผันผวนของพอร์ต (Ann.StDev), ค่าอัตราการถดถอยสูงสุดของพอร์ต (Max.DD) รวมถึงค่าระยะเวลาในการกลับมาคืนทุนจากจุดสูงสุด (Longest.DD) โดยที่มีค่าผลตอบแทนทบต้นต่อปีที่ลดลงเหลือเพียงราว 0.97% ต่อปี
    • สำหรับข้อสังเกตุที่สำคัญสำหรับการปกป้องความเสี่ยงค่าเงินแบบ Fully-Hedged นั้น จะเห็นได้ว่าพอร์ตการลงทุนจะมีความเสี่ยงจากทั้งความผันผวน (Ann.StDev) และค่า Max.DD ที่ต่ำกว่าการ Un-Hedged อยู่พอสมควร อย่างไรก็ตาม เราจะพบเห็นได้ว่าผลตอบแทนทบต้นได้ลดลงไปเหลือเพียงราวๆ 0.34% ต่อปีเท่านั้น ซึ่งเกิดขึ้นจากต้นทุนในการปกป้องความเสี่ยงที่สูงมากขึ้นในช่วงหลัง จากการที่อัตราดอกเบี้ยต่างประเทศสูงกว่าประเทศไทยเป็นอย่างมากนั่นเอง

    5. บทสรุปผลกระทบของค่าเงินในการลงทุนต่างประเทศ และทางเลือกในการบริหารจัดการความเสี่ยงค่าเงิน

    จากข้อมูลที่ SiamQuant ได้ทำค้นคว้าและอธิบายออกมาในเชิงทฤษฎี รวมถึงการวิจัยทดสอบย้อนหลังทางเลือกในการบริหารจัดการความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินออกมาทั้งหมดนั้น เราจึงสามารถสรุปได้โดยง่ายดังนี้ว่า

    ไม่ว่าจะเป็นทางเลือกในการบริหารจัดการความเสี่ยงค่าเงินแบบใด ค่าเงินก็จะมีผลกระทบที่มีนัยยะสำคัญต่อพอร์ตการลงทุนอยู่เสมออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในระยะยาว โดยที่ทางเลือกในการไม่ปกป้องความเสี่ยงแบบ Un-Hedged นั้น ก็มักที่จะทำให้พอร์ตการลงทุนต้องพบกับความเสี่ยงระหว่างการลงทุนที่มากขึ้น แต่ก็อาจจะได้รับประโยน์จากอัตราแลกเปลี่ยนหากตลาดเอื้ออำนวย ในทางกลับกันแล้ว พอร์ตการลงทุนที่ปกป้องความเสี่ยงแบบ Fully Hedge ก็มักที่จะมีความเสี่ยงระหว่างการลงทุนที่น้อยลง แต่ก็อาจต้องชดเชยด้วยการสูญเสียกำไรไปจากต้นทุนในการ Hedging ด้วยเช่นเดียวกัน

    ดังนั้นแล้ว ทางเลือกที่ดีและเหมาะสมที่สุดจึงขึ้นอยู่กับเป้าหมายในการลงทุน และความสามารถในการแบกรับความเสี่ยงของนักลงทุนแต่ละคนนั่นเอง โดยหากว่าคุณไม่ต้องการที่จะเผชิญความผันผวนในระหว่างการลงทุนต่างประเทศที่สูง คุณควรจะเลือกทางเลือกในการปกป้องความเสี่ยงค่าเงิน แต่หากคุณสามารถรับกับความเสี่ยงและความผันผวนได้มากขึ้น คุณอาจะทำการเลือกไม่ปกป้องความเสี่ยงเลย เพื่อลุ้นโอกาสได้รับผลตอบแทนส่วนเสริมจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินได้เช่นเดียวกัน

    ทั้งนี้นั้น หากคุณคิดว่ายังไม่พอใจทั้งกับ 2 ทางเลือกนี้ ซึ่งก็คือการ Un-Hedged และ Fully-Hedged คุณก็อาจจะลองมองหาวิธีการหรือกองทุนที่ใช้วิธีการปกป้องความเสี่ยงเพียงบางส่วนแบบ Partial Hedged หรือการปกดป้องความเสี่ยงแบบยืดหยุ่นแบบ Dynamic Hedged ดูเพิ่มเติมอีกทีหนึ่ง

    หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับทุกท่านไม่มากก็น้อยกันนะครับ เจอกันใหม่บทความหน้าครับ 😃

    FacebookXLine
    การลงทุนต่างประเทศ ค่าเงิน
    SiamQuant Team
    • Website
    • Facebook
    • X (Twitter)

    Admin ผู้ดูแลเว็บไซต์ SiamQuant.com ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อการแบ่งปันความรู้และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการลงทุนอย่างเป็นระบบให้กับนักลงทุนไทย

    Related Posts

    สุดยอดสินทรัพย์ทางการเงิน เพื่อการจัดพอร์ตการลงทุนระดับโลกที่ยั่งยืนเหนือกาลเวลา

    November 14, 2025

    มหัศจรรย์แห่งการจัดพอร์ตการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์แบบ Global Strategic Asset Allocation (GSAA)

    November 12, 2025

    ทำไมปี 2023 จึงยังคงเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย?

    December 25, 2023
    Leave A Reply Cancel Reply

    You must be logged in to post a comment.

    Continue with Google
    หมวดหมู่บทความ
    บทความล่าสุด

    ผลกระทบและแนวทางป้องกันความเสี่ยงของ “ค่าเงิน” กับการลงทุนในต่างประเทศ

    December 8, 2025

    สุดยอดสินทรัพย์ทางการเงิน เพื่อการจัดพอร์ตการลงทุนระดับโลกที่ยั่งยืนเหนือกาลเวลา

    November 14, 2025

    มหัศจรรย์แห่งการจัดพอร์ตการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์แบบ Global Strategic Asset Allocation (GSAA)

    November 12, 2025

    ลงทะเบียนรับข่าวสารและบทความ

    กรอก E-Mail ของคุณ เพื่อติดตามข่าวสาร, องค์ความรู้ และงานวิจัยด้านการลงทุนชิ้นใหม่ๆจากพวกเรา Free!

    Social Medias ของเรา
    • YouTube
    • Facebook
    กองทุนส่วนบุคคลเชิงปริมาณ
    Demo
    Facebook YouTube
    © 2025 Copyright by SiamQuant.

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    XEmail