Close Menu
SiamQuantSiamQuant
    Facebook YouTube
    Facebook YouTube
    SiamQuantSiamQuant
    ติดต่อเรา
    • กองทุนส่วนบุคคล
    • บทความและงานวิจัย
    • ร่วมงานกับเรา
      • รายละเอียดการรับสมัครทีมงาน
      • Researcher
      • Developer
      • Operations
      • Marketer
    • เกี่ยวกับเรา
      • เกี่ยวกับ SiamQuant
      • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)
    • มุมสมาชิก
      • บัญชีของฉัน
      • AlphaClass Video Courses
      • AlphaSuite Installer & Manual
    SiamQuantSiamQuant
    Facebook YouTube
    Home»งานวิจัยและบทความทั้งหมด»องค์ความรู้จากการลงทุนอย่างเป็นระบบ»ไขความลับของปริมาณการซื้อขายกับการพฤติกรรมราคา
    องค์ความรู้จากการลงทุนอย่างเป็นระบบ

    ไขความลับของปริมาณการซื้อขายกับการพฤติกรรมราคา

    Thanadon PraphutikulBy Thanadon PraphutikulNovember 16, 2017Updated:May 1, 2019No Comments3 Mins Read
    19.1k
    SHARES
    19.1kFacebookXLine

    เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยได้ยินประโยคในทำนองที่ว่า “ราคาจะขึ้นไปได้ ต้องมีปริมาณการซื้อขาย (Volume) เข้ามาด้วย” หรือพูดง่ายๆก็คือ “วอลุ่มมาราคาจะขึ้น” นั่นเอง ดังนั้นในบทวิจัยชิ้นนี้เราจะมาลองทำการทดสอบกันดูครับว่า ปริมาณการซื้อขายหรือวอลุ่มนั้นเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทรงพลังจริงหรือไม่?

    Table of Contents

    Toggle
    • หนึ่งในวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมคือ การพิจารณาปริมาณการซื้อขาย
    • ผลการทดสอบเรื่องปริมาณการซื้อขายกับตลาดหุ้นไทย
    • ทดลองประยุกต์ใช้ปริมาณการซื้อขายควบคู่กับระบบเบรคเอาท์
    • สรุปประเด็นที่น่าสนใจจากงานวิจัยชิ้นนี้

    หนึ่งในวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมคือ การพิจารณาปริมาณการซื้อขาย

    ในปัจจุบันสามารถเรียกได้ว่าการวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยทางเทคนิคนั้น เป็นหนึ่งในวิธีการที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตลาดหุ้นไทย โดยการวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยทางเทคนิคนั้นประกอบไปด้วย การวิเคราะห์ราคา ได้แก่ Open, High, Low และ Close, การสังเกตรูปแบบของราคา (Price Pattern), การวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือทางเทคนิค (Technical Indicator)  รวมถึงการดูปริมาณการซื้อขายหรือวอลุ่มเป็นต้น ซึ่งในวันนี้เราจะมาพูดถึงเฉพาะส่วนของการพิจารณาด้วยปริมาณการซื้อขาย ที่เรียกได้ว่าเป็นที่นิยมในแทบทุกยุคทุกสมัยเลยทีเดียว

    แล้ววอลุ่มนั้นสำคัญไฉน? ทำไมคนส่วนมากถึงสนใจมัน? …เนื่องจากวอลุ่มนั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอกปริมาณการซื้อขายในแต่ละวัน ทีนี้ก็ได้มีนักลงทุนระดับโลกหลายๆท่านยกตัวอย่างเช่น คุณ Nicolas Darvas เจ้าของทฤษฏีกล่องเงินล้านดาร์วาส ซึ่งเขาได้ทำการสังเกตและพบว่าราคามักจะขึ้นไปพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มมากขึ้น หรือแม้กระทั่งใจความตอนหนึ่งของทฤษฎีดาว (Dow Theory) ซึ่งกล่าวไว้ว่าปริมาณการซื้อขายนั้นเป็นตัวคอนเฟิร์มแนวโน้มเป็นต้น ซึ่งความคิดเหล่านี้เองทำให้ในปัจจุบันนักลงทุนมักจะมีความเชื่อว่าว่าการที่ราคาจะขึ้นไปเป็นแนวโน้มที่แข็งแกร่งนั้น มักจะมาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้นนั่นเอง

    โดยในบทความชิ้นนี้ เราจะมาทำการทดสอบกันว่าวอลุ่มที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นดีจริงหรือ? อย่างไรก็ดีเนื่องจากคำว่าวอลุ่มที่สูงขึ้นหรือวอลุ่มมากนั้นยังไม่ชัดเจนเพียงพอที่จะทำการทดสอบได้ ดังนั้นเราจำเป็นต้องแปลงกฎเกณฑ์นี้ให้ชัดเจนเสียก่อน โดยในงานวิจัยชิ้นนี้เราได้ให้ความหมายของคำว่า “วอลุ่มมาก” ไว้ดังนี้

    คำว่า“วอลุ่มมาก”หมายถึง ภาวะที่เส้นค่าเฉลี่ยของวอลุ่มย้อนหลัง 20 วันหรือประมาณ 1 เดือน มีค่ามากกว่าเส้นค่าเฉลี่ยของวอลุ่มย้อนหลัง 50 วันหรือประมาณ 2 เดือนครึ่ง

    ส่วนคำว่า“วอลุ่มน้อย”หมายถึง ภาวะที่เส้นค่าเฉลี่ยของวอลุ่มย้อนหลัง 20 วัน มีค่าน้อยกว่าเส้นค่าเฉลี่ยของวอลุ่มย้อนหลัง 50 วัน

    ซึ่งในการทดสอบครั้งนี้เราจะใช้จุดที่เส้นค่าเฉลี่ยของทั้งสองเส้นนั้นตัดกันเป็นจุดสำหรับการเข้าซื้อและขายหุ้นนั่นเองครับ

    หมายเหตุ 1 : จำนวนวันที่มีการเทรดทั้งหมดใน 1 เดือนนั้น มีอยู่ที่ประมาณ 20 วัน

    หมายเหตุ 2 : ในการทดสอบครั้งแรกนี้ ที่เราทำการทดสอบเฉพาะเรื่องของวอลุ่มเพียงอย่างเดียว เนื่องจากหากวอลุ่มมีนัยยะสำคัญจริง ระบบควรจะอยู่รอดได้ด้วยตัวของมันเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องเอาปัจจัยอื่นๆ เช่น เรื่องทิศทางของราคา หรือแนวโน้มเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

    ภาพที่ 1 : ภาพตัวอย่างแสดงสัญญาณการซื้อขายด้วยปริมาณวอลุ่ม

    โดยก่อนที่จะทำการทดสอบเรื่องปริมาณการซื้อขายนั้น เราจะทำการกำหนดเงื่อนไขต่างๆสำหรับการทดสอบโดยมีรายละเอียดดังนี้

    Condition Details
    Backtesting Window
    • 01/01/2007 – 01/01/2017
    Backtesting Restriction
    • เงินทุนเริ่มต้น 1 ล้านบาท
    • อัตราค่า Commission 0.15% (รวมซื้อขาย 0.3%)
    • Slippage  1% ทั้งการซื้อและขาย
    • Long Only
    Universe
    • All Stocks หุ้นทุกตัวในตลาดหลักทรัพย์
    Filters
    • มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยใน 1 ปีมากกว่า 1 ล้านบาท/วัน
    • กรองข้อมูลที่มีความผิดพลาดออกด้วย SQDataFilter(1)
    Position Size
    • ถือหุ้นมากที่สุด 20 ตัวในพอร์ตโฟลิโอ ขนาดการลงทุนต่อตัวคือ 5% ของมูลค่าพอร์ตโฟลิโอ
    Position Score
    • เรียงลำดับจากปริมาณการซื้อขาย
    Order Management
    • ทำการซื้อขายราคาเปิด (Open) ของวันถัดไปของวันที่เกิดสัญญาณ)

     

    ตารางที่ 1 : ตารางแสดงเงื่อนไขต่างๆสำหรับการทดสอบปริมาณการซื้อขาย

    ผลการทดสอบเรื่องปริมาณการซื้อขายกับตลาดหุ้นไทย

    ภาพที่ 2 : ภาพแสดงการเติบโตของพอร์ตโฟลิโอ (เส้นสีเขียว) เทียบกับดัชนี SET Index (เส้นสีดำ)

    Portfolio Metrics Volume SET Index
    Net Profit 9.53% 134.04%
    CAGR 0.91% 9.17%
    MaxDD -67.67% -58.02%
    Longest DD (Month) 59.5 44.15
    CAR/MDD 0.01 0.15
    Trade Metrics Volume SET Index
    No. of All Trade 2,099 –
    Avg. Bar Held 24.04 –
    % Win 32.63% –
    Avg. Profit/Loss % 0.79% –
    Max Consecutive Loss 23 –

     

    ตารางที่ 2 : ตารางแสดงค่าสถิติของการซื้อขายด้วยปริมาณวอลุ่มและดัชนี SET Index

    จากผลการทดสอบข้างต้นจะพบว่า การซื้อขายหุ้นด้วยสัญญาณจากปริมาณการซื้อขายที่มากนั้น ไม่ได้สร้างผลตอบแทนอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งขัดกับความเชื่อของใครหลายๆคน รวมถึงตัวผมเองด้วยที่ครั้งนึงเคยเชื่อว่าปริมาณการซื้อขายนั้นมีความสำคัญและเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะสามารถทำนายพฤติกรรมของราคาได้

    อย่างไรก็ดี ในส่วนถัดไปเราจะลองนำเอาแนวคิดเรื่องปริมาณการซื้อขายนี้มาประยุกต์ใช้ควบคู่ไปกับระบบเบรคเอาท์กันดูครับ ว่าถ้าใช้ร่วมกับทิศทางของราคาจะให้ผลลัพธ์ที่ต่างออกไปหรือไม่?

    ทดลองประยุกต์ใช้ปริมาณการซื้อขายควบคู่กับระบบเบรคเอาท์

    เพื่อคลายข้อสงสัยของใครหลายๆคนว่า แล้วถ้าหากนำแนวคิดเรื่องปริมาณการซื้อขายนี้มาประยุกต์ใช้กับกลยุทธ์การลงทุนที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีเช่น กลยุทธ์การเบรคเอาท์นั้น ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร โดยเราจะแบ่งการทดลองเป็น 3 การทดลองดังนี้

    1. การเบรคเอาท์พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่มาก
    2. การเบรคเอาท์โดยไม่สนใจปริมาณการซื้อขายใดๆเลย
    3. การเบรคเอาท์พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่น้อย

    โดยเราใช้นิยามปริมาณการซื้อขายที่มากในการทดสอบครั้งนี้เหมือนกับการทดสอบครั้งก่อนหน้าคือ เส้นค่าเฉลี่ยของวอลุ่มย้อนหลัง 20 วัน มีค่ามากกว่าเส้นค่าเฉลี่ยของวอลุ่มย้อนหลัง 50 วัน และปริมาณการซื้อขายที่น้อยคือ เส้นค่าเฉลี่ยของวอลุ่มย้อนหลัง 20 วัน มีค่าน้อยกว่าเส้นค่าเฉลี่ยของวอลุ่มย้อนหลัง 50 วัน นอกจากนี้เราได้มีการกำหนดตัวแปรควบคุมสำหรับการทดสอบในครั้งนี้ดังนี้

    1. ใช้สัญญาณการเบรคเอาท์ขาขึ้นจากกรอบ 55 วันเป็นสัญญาณในการซื้อ
    2. ใช้สัญญาณการเบรคเอาท์ขาลงจากกรอบ 20 วันเป็นสัญญาณในการขาย

    หมายเหตุ 3 : ตัวแปรควบคุม หมายถึงตัวแปรที่อาจทำให้ผลการทดลองมีความคลาดเคลื่อน ดังนั้นเราจึงต้องมีการควบคุมตัวแปรนี้ไว้นั่นเองครับ

    หมายเหตุ 4 : สัญญาณการเบรคเอาท์นี้นำมาจากระบบที่สอง (System Two) ของระบบ The Turtle ของ Richard Dennis

    นอกจากนี้มีการกำหนดเงื่อนไขอื่นๆ สำหรับการทดสอบการประยุกต์ใช้ปริมาณการซื้อขายกับระบบเบรคเอาท์ดังนี้

    Condition Details
    Backtesting Window
    • 01/01/2007 – 01/01/2017
    Backtesting Restriction
    • เงินทุนเริ่มต้น 1 ล้านบาท
    • อัตราค่า Commission 0.15% (รวมซื้อขาย 0.3%)
    • Slippage  1% ทั้งการซื้อและขาย
    • Long Only
    Universe
    • All Stocks หุ้นทุกตัวในตลาดหลักทรัพย์
    Filters
    • มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยใน 1 ปีมากกว่า 1 ล้านบาท/วัน
    • กรองข้อมูลที่มีความผิดผลาดออกด้วย SQDataFilter(1)
    Position Size
    • ถือหุ้นมากที่สุด 20 ตัวในพอร์ตโฟลิโอ ขนาดการลงทุนต่อตัวคือ 5% ของมูลค่าพอร์ตโฟลิโอ
    Position Score
    • เรียงจากอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาภายในรอบ 20 วัน
    Order Management
    • ทำการซื้อขายราคาเปิด (Open) ของวันถัดไปของวันที่เกิดสัญญาณ)

     

    ตารางที่ 3 : ตารางแสดงเงื่อนไขต่างๆสำหรับการทดสอบการประยุกต์ใช้ปริมาณการซื้อขายกับระบบการเบรคเอาท์

    ภาพที่ 3 : ภาพแสดงการเติบโตของพอร์ตโฟลิโอของระบบเบรคเอาท์พร้อมวอลุ่ม (เส้นสีเขียว), ระบบการเบรคเอาท์ปกติ (เส้นสีฟ้า), ระบบการเบรคเอาท์พร้อมวอลุ่มที่น้อย (เส้นสีแดง) และดัชนี SET Index (เส้นสีดำ)

    Portfolio Metrics Breakout with volume Breakout without volume Breakout with less volume SET Index
    Net Profit 266.22% 373.54% 680.52% 134.04%
    CAGR 13.86% 16.83% 22.82% 9.17%
    MaxDD -52.4% -47.23% -37.96% -58.02%
    Longest DD

    (Month)

    29.6 30.1 22.5 44.15
    CAR/MDD 0.26 0.36 0.6 0.15
    Trade Metrics Breakout with volume Breakout without volume Breakout with less volume SET Index
    No. of All Trade 918 970 856 –
    Avg. Bar Held 42.34 42.52 44.4 –
    % Win 33.88% 35.05% 37.51% –
    Avg. Profit/Loss % 3.82% 4.17% 5.79% –
    Max Consecutive Loss 28 27 36 –

     

    ตารางที่ 4 : ตารางแสดงค่าสถิติของระบบเบรคเอาท์พร้อมวอลุ่ม, ระบบการเบรคเอาท์ปกติ, ระบบการเบรคเอาท์พร้อมวอลุ่มที่น้อย และดัชนี SET Index

    จากการทดสอบครั้งนี้ พบว่าการใช้กลยุทธ์การเบรคเอาท์ควบคู่ไปกับปริมาณการซื้อขายที่มากนั้น กลับให้ผลตอบแทนที่แย่กว่าระบบเบรคเอาท์ธรรมดาเสียด้วยซ้ำ! …ไม่เพียงเท่านั้นระบบที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดกลับกลายเป็นระบบเบรคเอาท์ โดยในจุดที่ราคามีการเบรคเอาท์นั้นปริมาณการซื้อขายกลับไม่ได้มาก!

    ซึ่งหากใครที่ได้มางาน SiamQuant Strategy Talk 2017 ที่พึ่งจัดไปในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ. 2560 นั้นจะพบว่ากลยุทธ์หุ้นนำตลาด (Leading Stock) ของ Jesse Livermore ซึ่งถูกนำเสนอโดย คุณมด แมงเม่าคลับนั้น มีใจความตอนหนึ่งว่า Livermore จะชื่นชอบหุ้นที่มีการทำจุดสูงสุดใหม่ และจะชอบมากขึ้นอีกถ้าตัวเขาเองนั้นไม่สามารถซื้อหุ้นได้ ณ จุดเบรคเอาท์ แต่จำเป็นต้องไปซื้อในราคาที่แพงกว่า!! เนื่องจากไม่มีปริมาณการซื้อขายให้เขาสามารถซื้อหุ้นได้ หรือเรียกง่ายๆว่าหุ้นนั้นกำลังอยู่ในภาวะไร้แรงต้าน! และนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่สนับสนุนผลการทดสอบครั้งนี้นั่นเองครับ

    สรุปประเด็นที่น่าสนใจจากงานวิจัยชิ้นนี้

    จากการทดสอบในเบื้องต้นนั้น พบว่าการที่หุ้นขึ้นพร้อมปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นนั้น กลับไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างที่ใครหลายๆเข้าใจกัน ดังนั้นจึงอยากฝากเพื่อนๆพี่ๆนักลงทุนทุกท่านว่าหากจะลงทุนด้วยแนวคิดใดนั้น เราควรจะมีการทดสอบให้ชัดเจนก่อนก่อนที่จะนำไปใช้จริงกันนะครับ ^^

    19.1k
    SHARES
    19.1kFacebookXLine
    Amibroker SiamQuant trading system volume
    Thanadon Praphutikul

    ทีมงานวิจัยระบบการลงทุน SiamQuant Alpha Researcher ด้วยความที่ต้องการสร้างผลตอบแทนให้ชนะตลาด จึงเริ่มต้นการลงทุนอย่างเป็นระบบมามากกว่า 5 ปีเพราะทำให้เราสามารถพิสูจน์ถึงแนวคิดการลงทุนต่างๆได้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่จับต้องได้จริง ^^

    Related Posts

    สุดยอดสินทรัพย์ทางการเงิน เพื่อการจัดพอร์ตการลงทุนระดับโลกที่ยั่งยืนเหนือกาลเวลา

    November 14, 2025

    มหัศจรรย์แห่งการจัดพอร์ตการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์แบบ Global Strategic Asset Allocation (GSAA)

    November 12, 2025

    ทำไมปี 2023 จึงยังคงเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย?

    December 25, 2023
    Leave A Reply Cancel Reply

    You must be logged in to post a comment.

    Continue with Google
    หมวดหมู่บทความ
    บทความล่าสุด

    สุดยอดสินทรัพย์ทางการเงิน เพื่อการจัดพอร์ตการลงทุนระดับโลกที่ยั่งยืนเหนือกาลเวลา

    November 14, 2025

    มหัศจรรย์แห่งการจัดพอร์ตการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์แบบ Global Strategic Asset Allocation (GSAA)

    November 12, 2025

    🤝 ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง SiamQuant และ Krungthai XSpring (KTX)

    November 11, 2025

    ลงทะเบียนรับข่าวสารและบทความ

    กรอก E-Mail ของคุณ เพื่อติดตามข่าวสาร, องค์ความรู้ และงานวิจัยด้านการลงทุนชิ้นใหม่ๆจากพวกเรา Free!

    Social Medias ของเรา
    • YouTube
    • Facebook
    กองทุนส่วนบุคคลเชิงปริมาณ
    Demo
    Facebook YouTube
    © 2025 Copyright by SiamQuant.

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    XEmail
    19.1k
    SHARES
    19.1k